ดาวิดกับโกลิอัท

17 ครั้งนั้นชาวฟีลิสเตียรวมพลมาสู้รบและชุมนุมกันที่โสโคห์ในยูดาห์ พวกเขาตั้งค่ายพักที่เอเฟสดัมมิมซึ่งอยู่ระหว่างโสโคห์กับอาเซคาห์ ซาอูลและชนอิสราเอลมารวมพลและตั้งค่ายพักอยู่ที่หุบเขาเอลาห์ ตั้งแนวรบประจันหน้ากับชาวฟีลิสเตีย ชาวฟีลิสเตียยึดเนินเขาด้านหนึ่ง อิสราเอลยึดเนินเขาอีกด้านหนึ่ง มีหุบเขาคั่นกลาง

ยอดนักรบชื่อโกลิอัทจากเมืองกัทออกมาจากค่ายฟีลิสเตีย เขาสูง 6 ศอกกับ 1 ฝ่ามือ[a] เขาสวมหมวกเกราะทองสัมฤทธิ์และสวมเสื้อเกราะทองสัมฤทธิ์หนักประมาณ 57 กิโลกรัม[b] ใส่สนับแข้งทองสัมฤทธิ์ มีหอกทองสัมฤทธิ์คล้องอยู่ที่บ่า ด้ามหอกเหมือนไม้กระพั่นทอผ้า ปลายหอกทำด้วยเหล็กหนักประมาณ 7 กิโลกรัม[c] มีคนแบกโล่เดินนำหน้า

โกลิอัทยืนร้องท้าทหารอิสราเอลว่า “พวกเจ้าจะมาตั้งแถวสู้รบกันทำไม? ข้าก็เป็นฟีลิสเตีย ส่วนพวกเจ้าก็เป็นบริวารของซาอูลไม่ใช่หรือ? จงเลือกคนหนึ่งลงมาสู้กับข้า ถ้าคนของเจ้าฆ่าข้าได้ พวกข้าจะยอมแพ้พวกเจ้า แต่ถ้าข้าชนะและฆ่าเขาได้ พวกเจ้าต้องยอมแพ้เป็นทาสรับใช้พวกข้า” 10 ชาวฟีลิสเตียคนนั้นพูดว่า “วันนี้ข้าขอท้ากองทัพอิสราเอล! ส่งคนมาสู้กับข้าสิ” 11 เมื่อซาอูลและชนอิสราเอลทั้งหมดได้ยินเช่นนี้ ก็พากันหวาดผวาและท้อแท้ใจ

12 ฝ่ายดาวิดเป็นบุตรเจสซีชาวถิ่นเอฟราธาห์จากเบธเลเฮมในเขตยูดาห์ เจสซีมีบุตรชายแปดคน เขาก็ชราและมีอายุมากแล้วในสมัยที่ซาอูลเป็นกษัตริย์ 13 บุตรชายสามคนแรกของเจสซีที่ติดตามซาอูลไปรบมีดังนี้คือ เอลีอับบุตรหัวปี อาบีนาดับบุตรคนที่สอง และชัมมาห์บุตรคนที่สาม 14 ดาวิดเป็นบุตรคนสุดท้อง พี่ชายสามคนแรกติดตามซาอูลไป 15 ส่วนดาวิดไปๆ มาๆ ระหว่างซาอูลกับการเลี้ยงแกะของบิดาที่เบธเลเฮม

16 ชาวฟีลิสเตียคนนี้มายืนร้องท้าเป็นประจำทุกเช้าเย็นตลอดสี่สิบวัน

17 ฝ่ายเจสซีพูดกับดาวิดบุตรชายว่า “จงรีบเอาข้าวคั่วประมาณ 22 ลิตร[d]กับขนมปังสิบก้อนนี้ไปให้พี่ชายของเจ้าที่ค่าย 18 เอาเนยแข็งสิบชิ้นนี้ไปให้ผู้บังคับกอง[e]ของพี่ๆ ด้วย จงดูว่าพวกพี่เป็นอย่างไรกันบ้าง แล้วนำข่าว[f]จากพวกเขากลับมาบอกเราด้วย 19 พวกเขาอยู่กับซาอูลและกองทัพอิสราเอลที่หุบเขาเอลาห์ระหว่างการสู้รบกับคนฟีลิสเตีย”

20 ดาวิดทิ้งฝูงแกะไว้กับคนเลี้ยงอีกคนหนึ่ง แล้วออกเดินทางตามคำสั่งของเจสซีตั้งแต่เช้าตรู่ของวันรุ่งขึ้นพร้อมด้วยของฝาก เขามาถึงค่ายพอดีกับที่กองทัพอิสราเอลกำลังจะยกออกไปสนามรบ มีเสียงตะโกนเสียงโห่ร้องออกศึก 21 กองพลอิสราเอลและฟีลิสเตียต่างก็มาตั้งขบวนประจันหน้ากัน 22 ดาวิดทิ้งข้าวของไว้กับเจ้าหน้าที่ผู้ดูแลสัมภาระ แล้ววิ่งออกไปที่แนวรบและทักทายพวกพี่ๆ 23 ขณะกำลังคุยกับพวกพี่ๆ โกลิอัทยอดนักรบชาวฟีลิสเตียจากเมืองกัทก้าวออกจากแถวมายืนร้องท้าเช่นเคย และดาวิดก็ได้ยิน 24 ทันทีที่เห็นโกลิอัทคนอิสราเอลก็พากันวิ่งหนีด้วยความกลัวยิ่งนัก

25 คนอิสราเอลพูดกันว่า “เจ้าเห็นคนนี้ไหม? เขาออกมาสบประมาทอิสราเอลอยู่เป็นประจำ กษัตริย์จะประทานทรัพย์สินมากมายให้แก่คนที่ฆ่าเขาได้ และจะยกพระธิดาให้เป็นภรรยา ยิ่งกว่านั้นครอบครัวของบิดาของเขาจะได้รับการยกเว้นภาษีด้วย”

26 ดาวิดถามคนที่ยืนอยู่ใกล้ๆ ว่า “ผู้ที่ฆ่าฟีลิสเตียคนนี้และกู้หน้าให้อิสราเอลจะได้รับบำเหน็จอะไรบ้าง? ชาวฟีลิสเตียผู้ไม่ได้เข้าสุหนัตคนนี้เป็นใครกัน ถึงบังอาจมาร้องท้ากองทัพของพระเจ้าผู้ทรงพระชนม์อยู่?”

27 พวกเขาก็บอกซ้ำสิ่งที่พูดไปแล้วว่า “คนที่ฆ่าเขาสำเร็จจะได้รับสิ่งต่างๆ ดังกล่าว”

28 เมื่อเอลีอับพี่ชายคนโตของดาวิดได้ยินดาวิดพูดกับคนนั้นก็โกรธ และถามว่า “เจ้ามาทำอะไรที่นี่ แล้วเจ้าทิ้งแกะไม่กี่ตัวในถิ่นกันดารไว้ให้ใครดูแล? ข้ารู้ว่าเจ้าชอบคุยโวและรู้จักใจชั่วช้าของเจ้า นึกอยากมาดูเขารบกันล่ะสิ”

29 ดาวิดตอบว่า “ข้าทำอะไรผิดหรือ? ถามดูไม่ได้หรือ?” 30 แล้วดาวิดเดินไปถามคนอื่นๆ อีกในเรื่องเดิม ก็ได้รับคำตอบอย่างเดียวกัน 31 มีผู้ได้ยินคำพูดของดาวิดจึงไปทูลรายงานซาอูล พระองค์จึงให้คนไปตามตัวดาวิดมาเข้าเฝ้า

32 ดาวิดทูลซาอูลว่า “อย่าให้ผู้ใดเสียขวัญเพราะชาวฟีลิสเตียคนนี้เลย ผู้รับใช้ของฝ่าพระบาทจะไปรบกับเขา”

33 ซาอูลตรัสว่า “เจ้าออกไปสู้กับชาวฟีลิสเตียคนนั้นไม่ได้หรอก เจ้าเป็นเพียงเด็ก ส่วนเขาเป็นนักรบมาตั้งแต่หนุ่ม”

34 แต่ดาวิดทูลซาอูลว่า “ข้าพระบาทดูแลแกะของบิดา เมื่อมีสิงโตหรือหมีมาคาบแกะไปจากฝูง 35 ข้าพระบาทจะไล่ตามฟาดฟันช่วยแกะนั้นออกมาจากปากของสิงโต หากมันหันมาเล่นงาน ข้าพระบาทก็จะกระชากขนของมัน ฟาดมัน และฆ่าเสีย 36 ผู้รับใช้ของฝ่าพระบาทได้ฆ่าทั้งสิงโตและหมีมาแล้ว ชาวฟีลิสเตียผู้ไม่ได้เข้าสุหนัตคนนี้จะเป็นเหมือนสัตว์เหล่านั้น เพราะเขามาสบประมาทกองทัพของพระเจ้าผู้ทรงพระชนม์อยู่ 37 องค์พระผู้เป็นเจ้าผู้ทรงช่วยข้าพระบาทจากเขี้ยวเล็บของสิงโตและหมี จะช่วยข้าพระบาทจากมือชาวฟีลิสเตียผู้นี้”

ซาอูลตรัสกับดาวิดว่า “ไปเถิด ขอองค์พระผู้เป็นเจ้าสถิตกับเจ้า”

38 จากนั้นซาอูลก็ให้ดาวิดสวมเครื่องทรงของซาอูลเอง มีเสื้อเกราะและหมวกเกราะทองสัมฤทธิ์ 39 ดาวิดสะพายดาบ ทับเสื้อเกราะ ลองเดินวนไปรอบๆ เพราะไม่คุ้นเคยกับชุดแบบนี้มาก่อน

ดาวิดทูลซาอูลว่า “ข้าพระบาทออกไปอย่างนี้ไม่ได้เพราะไม่เคยชิน” แล้วดาวิดก็ถอดชุดนั้นออก 40 จากนั้นเขาหยิบไม้เท้าและไปเก็บหินเกลี้ยงห้าก้อนจากลำธารใส่ไว้ในย่ามของเขา ในมือถือสลิง เดินเข้าไปหาชาวฟีลิสเตียคนนั้น

41 ขณะนั้นโกลิอัทเดินเข้ามาหาดาวิด มีคนแบกโล่เดินนำหน้า 42 เมื่อเห็นดาวิดซึ่งเป็นเพียงเด็กหนุ่มรูปหล่อผิวพรรณดี ก็นึกดูหมิ่น 43 และกล่าวว่า “เห็นข้าเป็นหมาหรือไง ถึงได้ถือไม้เท้าออกมาหา?” แล้วก็แช่งด่าดาวิดโดยอ้างนามเทพเจ้าต่างๆ ของตน 44 โกลิอัทพูดว่า “มาสิ เดี๋ยวข้าจะแล่เนื้อเจ้าให้นกกาและสัตว์ป่ากิน!”

45 ดาวิดพูดว่า “ท่านถือดาบ ถือหอก และหอกซัดมาสู้กับเรา ส่วนเราจะสู้กับท่านในพระนามพระยาห์เวห์ผู้ทรงฤทธิ์ พระเจ้าของกองทัพอิสราเอลซึ่งท่านลบหลู่ 46 วันนี้องค์พระผู้เป็นเจ้าจะทรงมอบท่านแก่เรา เราจะฆ่าและตัดหัวท่าน วันนี้เราจะเอาซากศพของกองทัพฟีลิสเตียให้นกกาและสัตว์ป่ากิน แล้วทั้งโลกจะได้รู้ว่ามีพระเจ้าในอิสราเอล 47 คนทั้งปวงที่ชุมนุมกันอยู่ที่นี่จะได้รู้ว่าองค์พระผู้เป็นเจ้าไม่ได้ทรงช่วยให้รอดด้วยดาบหรือหอก การศึกครั้งนี้เป็นขององค์พระผู้เป็นเจ้าพระองค์จะทรงมอบเจ้าทุกคนไว้ในมือของพวกเรา”

48 ขณะที่โกลิอัทเข้ามาใกล้เพื่อต่อสู้ ดาวิดก็วิ่งเข้าไปประจันหน้า 49 เอามือล้วงลงไปในย่ามหยิบก้อนหินออกมาคล้องเข้ากับสลิง แล้วเหวี่ยงก้อนหินอัดเข้าที่หน้าผากของโกลิอัท ก้อนหินฝังจมเข้าไป โกลิอัทล้มคว่ำลงกับพื้น

50 เป็นอันว่าดาวิดพิชิตชาวฟีลิสเตียคนนั้นด้วยสลิงและก้อนหิน แม้ไม่มีดาบแต่ก็ล้มเขาได้และฆ่าเขาเสีย

51 ดาวิดวิ่งขึ้นไปยืนบนร่างของเขา ดึงดาบของโกลิอัทออกจากฝักและฆ่าเขา แล้วก็ตัดศีรษะออกมา

เมื่อชาวฟีลิสเตียเห็นวีรบุรุษของตนตายเสียแล้ว ก็หันหลังวิ่งหนีไป 52 คนอิสราเอลและยูดาห์จึงโห่ร้องมีชัย แล้วรุกไล่ฟีลิสเตียไปไกลถึงทางเข้าเมืองกัท[g]และประตูเมืองเอโครน ศพชาวฟีลิสเตียเกลื่อนกลาดตลอดเส้นทางชาอาราอิมที่จะไปยังเมืองกัทและเมืองเอโครน 53 หลังจากนั้นอิสราเอลก็กลับมาปล้นค่ายของชาวฟีลิสเตีย 54 ดาวิดนำศีรษะของโกลิอัทไปยังเยรูซาเล็ม และเก็บอาวุธของเขาไว้ในเต็นท์ของตน

55 ขณะซาอูลทอดพระเนตรดาวิดออกไปสู้กับโกลิอัท พระองค์ตรัสถามแม่ทัพอับเนอร์ว่า “อับเนอร์ เด็กหนุ่มคนนั้นเป็นลูกเต้าเหล่าใคร?”

อับเนอร์ทูลตอบว่า “ข้าแต่กษัตริย์ พระองค์ทรงพระชนม์อยู่แน่ฉันใด ข้าพระบาทไม่ทราบฉันนั้น”

56 ซาอูลตรัสว่า “ไปสืบมาสิว่าชายหนุ่มคนนี้เป็นลูกของใคร”

57 ทันทีที่ดาวิดกลับจากสังหารโกลิอัท อับเนอร์นำตัวเขามาเข้าเฝ้าซาอูล ดาวิดยังหิ้วศีรษะของโกลิอัทอยู่

58 ซาอูลตรัสถามว่า “พ่อหนุ่ม เจ้าเป็นลูกเต้าเหล่าใคร?”

ดาวิดทูลว่า “ข้าพระบาทเป็นบุตรของเจสซีแห่งเบธเลเฮม ผู้รับใช้ของฝ่าพระบาท”

Footnotes

  1. 17:4 คือ สูงประมาณ 3 เมตร
  2. 17:5 ภาษาฮีบรูว่า 5,000 เชเขล
  3. 17:7 ภาษาฮีบรูว่า 600 เชเขล
  4. 17:17 ภาษาฮีบรูว่า 1 เอฟาห์
  5. 17:18 ภาษาฮีบรูว่ากองพัน
  6. 17:18 หรือของฝากหรือของที่ริบได้
  7. 17:52 ภาษาฮีบรูว่าทางเข้าหุบเขาแห่งหนึ่ง

ดาวิดกับโกลิอัท

17 ชาวฟีลิสเตียได้รวบรวมกองทหารเพื่อทำสงคราม และประชุมกันที่โสโคห์ซึ่งอยู่ในเขตยูดาห์ ตั้งค่ายอยู่ระหว่างโสโคห์และอาเซคาห์ที่เอเฟสดัมมิม ซาอูลและบรรดาชายชาวอิสราเอลประชุมกัน และตั้งค่ายอยู่ในหุบเขาเอลาห์ และยืนแถวในแนวรบกับชาวฟีลิสเตีย ชาวฟีลิสเตียยืนอยู่ทางฟากหนึ่งของภูเขา และชาวอิสราเอลยืนอยู่อีกฟากหนึ่ง มีหุบเขากั้นระหว่าง 2 ฝ่าย ผู้ต่อสู้ตัวเอกแห่งเมืองกัทคนหนึ่งสูง 6 ศอก ชื่อโกลิอัท ออกมาจากค่ายของชาวฟีลิสเตีย เขามีหมวกทองสัมฤทธิ์สวมศีรษะ สวมเสื้อเกราะป้องกันตัว เสื้อเป็นทองสัมฤทธิ์หนัก 5,000 เชเขล[a] และมีเกราะทองสัมฤทธิ์ป้องกันขา และมีหอกซัดทองสัมฤทธิ์ผูกไว้บนหลังของเขา ด้ามแหลนของเขาเหมือนไม้กระพั่นของคนทอผ้า ปลายแหลนเป็นเหล็กหนัก 600 เชเขล และคนแบกโล่เดินล่วงหน้าเขาไป โกลิอัทยืนตะโกนบอกชาวอิสราเอลที่ยืนแถวในแนวรบว่า “ทำไมพวกเจ้าออกมายืนแถวเตรียมรบเล่า ข้าไม่ใช่ชาวฟีลิสเตียหรือ และเจ้าเป็นคนรับใช้ของซาอูลมิใช่หรือ จงเลือกชายคนใดคนหนึ่งออกมา ให้เขาลงมาหาข้า ถ้าเขาสามารถสู้และฆ่าข้าได้ พวกเราก็จะเป็นคนรับใช้ของพวกเจ้า แต่ถ้าข้าสู้ชนะและฆ่าเขาตาย พวกเจ้าก็จะเป็นคนรับใช้ของพวกเรา และรับใช้พวกเรา” 10 ชาวฟีลิสเตียคนนั้นพูดว่า “วันนี้เราขอท้าแนวรบของอิสราเอล ส่งชายคนใดคนหนึ่งให้ออกมาสู้กับเราตัวต่อตัว” 11 ครั้นซาอูลและชาวอิสราเอลได้ยินชาวฟีลิสเตียพูดเช่นนั้น ก็ตกใจและหวาดกลัวมาก

12 ดาวิดเป็นบุตรคนหนึ่งของเจสซีชาวเอฟราธาห์แห่งเบธเลเฮมในยูดาห์ เจสซีมีบุตร 8 คน และในช่วงเวลาของซาอูล เจสซีก็ชราและมีอายุมากแล้ว 13 บุตร 3 คนแรกของเจสซีได้ติดตามซาอูลไปสู้รบบ้างแล้ว บุตรทั้งสามที่ได้ไปสู้รบชื่อ เอลีอับบุตรหัวปี อาบีนาดับคนถัดไป และชัมมาห์คนที่สาม 14 ดาวิดเป็นคนสุดท้อง 3 คนแรกติดตามซาอูลไป 15 แต่ดาวิดไปๆ มาๆ ระหว่างซาอูลและกลับไปเลี้ยงดูฝูงแกะของบิดาที่เบธเลเฮม 16 ชาวฟีลิสเตียคนนั้นได้ออกมาท้าทายอย่างไม่หยุดยั้ง ทั้งเช้าทั้งเย็นเป็นเวลา 40 วัน

17 เจสซีพูดกับดาวิดบุตรของตนว่า “เจ้าเอาข้าวคั่ว 1 เอฟาห์[b] กับขนมปัง 10 ก้อนไป เอาไปให้พี่ๆ ของเจ้าที่ค่ายโดยเร็ว 18 เอาเนยแข็ง 10 ก้อนไปให้ผู้บังคับกองพันด้วย ไปดูซิว่าพวกพี่ชายของเจ้าเป็นอย่างไรบ้าง และเอาอะไรจากพวกเขากลับมาพิสูจน์ให้เห็นด้วย”

19 ขณะนั้นซาอูล พวกพี่ชายของดาวิด และชายอิสราเอลคนอื่นๆ กำลังสู้รบกับพวกชาวฟีลิสเตียในหุบเขาเอลาห์ 20 ดาวิดลุกขึ้นแต่เช้าตรู่ ปล่อยให้คนเฝ้าแกะดูแลฝูงแกะ และหอบของที่เจสซีสั่งให้เอาไป เขาเดินทางถึงค่ายขณะที่กองทัพกำลังออกไปเผชิญหน้ากันด้วยเสียงโห่ร้องของสนามรบ 21 ชาวอิสราเอลและชาวฟีลิสเตียยืนแถวในแนวรบ กองทัพปะทะกับกองทัพ 22 ดาวิดจึงให้ของที่หอบมาไว้กับคนดูแลสัมภาระ และวิ่งไปยังกองรบที่ยืนแถวอยู่ และไปทักทายพวกพี่ๆ 23 ขณะที่เขากำลังพูดกับพวกพี่ๆ ดูเถิด ผู้ต่อสู้ตัวเอกชื่อโกลิอัทชาวฟีลิสเตียแห่งเมืองกัท ก็ก้าวออกมาจากแนวรบของพวกฟีลิสเตีย และพูดเหมือนกับที่เคยพูดมาแล้ว และดาวิดได้ยินเขาพูด

24 เมื่อชายชาวอิสราเอลทุกคนเห็นโกลิอัท พวกเขาก็ถอยหนีไปด้วยความกลัวยิ่งนัก 25 ชายชาวอิสราเอลจึงพูดขึ้นว่า “เจ้าเคยเห็นคนที่ขึ้นมาแล้วหรือยัง เขาขึ้นมาเพื่อท้าทายอิสราเอลอย่างแน่นอน กษัตริย์ของเราจะมอบรางวัลอย่างมั่งคั่งให้แก่คนที่ฆ่าเขาได้ และจะมอบบุตรสาวของท่านให้ด้วย อีกทั้งครอบครัวของเขาจะมีอิสระทุกอย่างในประเทศอิสราเอล” 26 ดาวิดพูดกับบรรดาชายที่ยืนอยู่ใกล้ๆ ว่า “จะเกิดอะไรขึ้นกับคนที่ฆ่าชาวฟีลิสเตียคนนี้ และช่วยอิสราเอลให้พ้นจากคำดูหมิ่นได้ ชาวฟีลิสเตียที่ไม่ได้เข้าสุหนัตผู้นี้เป็นใคร เขาจึงท้าทายกองทัพของพระเจ้าผู้ดำรงชีวิต” 27 และประชาชนก็ตอบเหมือนกันว่า “คนที่ฆ่าเขาตายจะได้รับสิ่งดังกล่าวนั้นแหละ”

28 ฝ่ายเอลีอับพี่ชายคนหัวปีของเขาได้ยินดาวิดพูดกับพวกผู้ชาย เอลีอับจึงโกรธดาวิดมาก และถามว่า “เจ้าลงมาทำไม และเจ้าปล่อยแกะไม่กี่ตัวไว้กับใครในถิ่นทุรกันดาร ข้ารู้ความหยิ่งผยองของเจ้า และเจ้าคิดในสิ่งชั่วร้าย เป็นเพราะเจ้าอยากลงมาดูการสู้รบนั่นเอง” 29 ดาวิดจึงตอบว่า “เราไม่ได้ทำอะไรผิด เพียงแต่พูดไม่กี่คำเท่านั้น” 30 แล้วเขาก็หันไปทางคนอื่น และพูดเหมือนเดิมอีก และประชาชนก็ตอบเขาเหมือนเดิมอีกเช่นกัน

31 เมื่อคนได้ยินสิ่งที่ดาวิดพูด เขาก็ไปพูดให้ซาอูลฟัง ท่านจึงให้คนไปตามตัวมา 32 ดาวิดพูดกับซาอูลว่า “อย่าให้ใครใจเสียเพราะชายคนนั้น ผู้รับใช้ของท่านจะไปต่อสู้กับชาวฟีลิสเตียคนนั้นเอง” 33 ซาอูลพูดกับดาวิดว่า “เจ้าไม่สามารถไปต่อสู้กับชาวฟีลิสเตียคนนั้นได้หรอก เพราะเจ้ายังมีอายุน้อยอยู่ แต่เขาเป็นนักรบมาตั้งแต่เยาว์วัยแล้ว” 34 แต่ดาวิดพูดกับซาอูลว่า “ผู้รับใช้ของท่านเคยเฝ้าดูฝูงแกะให้พ่อ และเมื่อใดที่มีสิงโตหรือหมีมาตะครุบลูกแกะไปจากฝูง 35 ข้าพเจ้าก็ไล่ตามไปสู้ และช่วยลูกแกะรอดจากปากสิงโต แต่ถ้ามันกระโจนใส่ข้าพเจ้า ข้าพเจ้าก็คว้าขนที่คอ และทุบตีมันจนตาย 36 ผู้รับใช้ของท่านได้ต่อสู้ชนะสิงโตและหมีมาแล้ว และชาวฟีลิสเตียที่ไม่ได้เข้าสุหนัตผู้นี้ก็จะเป็นเหมือนสัตว์เหล่านั้น เพราะเขาท้ากองทัพของพระเจ้าผู้ดำรงอยู่” 37 และดาวิดพูดว่า “พระผู้เป็นเจ้าผู้ช่วยข้าพเจ้าให้รอดจากอุ้งเท้าสิงโตและหมี ก็จะช่วยข้าพเจ้าให้รอดจากเงื้อมมือของชาวฟีลิสเตียผู้นี้” ซาอูลจึงพูดกับดาวิดว่า “ไปเถิด และขอให้พระผู้เป็นเจ้าสถิตกับเจ้า”

38 ครั้นแล้วซาอูลก็ให้ดาวิดสวมชุดออกศึกของท่าน ท่านสวมหมวกทองสัมฤทธิ์บนศีรษะ และให้สวมเสื้อเกราะป้องกันตัวให้เขา 39 ดาวิดสะพายดาบของท่านทับชุดออกศึก แล้วพยายามเดินไป แต่เดินไม่ได้ เพราะไม่เคยสวมมาก่อน ดาวิดจึงพูดกับซาอูลว่า “ข้าพเจ้าสวมชุดแบบนี้ไปต่อสู้ไม่ได้หรอก เพราะไม่เคยใช้” ดาวิดจึงปลดออก 40 แล้วเขาก็ถือไม้เท้าของเขา และเลือกก้อนหิน 5 ก้อนจากธารน้ำ เก็บใส่ถุงที่คนเลี้ยงแกะใช้กัน มือถือสลิง[c] แล้วเขาก็เดินไปหาชาวฟีลิสเตียผู้นั้น

41 ชาวฟีลิสเตียเดินหน้าเข้าหาดาวิด พร้อมกับมีคนถือโล่เดินนำหน้าเขา 42 เมื่อชาวฟีลิสเตียมองเห็นดาวิดก็ดูถูกเขา เพราะเป็นเพียงเด็ก ผิวออกแดงๆ และรูปงาม 43 ชาวฟีลิสเตียพูดกับดาวิดว่า “ข้าเป็นหมาหรือไง เจ้าจึงถือไม้มาด้วย” และชาวฟีลิสเตียผู้นั้นก็แช่งด่าดาวิดในนามเทพเจ้าของเขา 44 ชาวฟีลิสเตียพูดกับดาวิดว่า “มาหาข้าสิ ข้าจะได้เอาเนื้อเจ้าให้นกในอากาศกับสัตว์ป่าในทุ่งกิน” 45 แล้วดาวิดพูดกับชาวฟีลิสเตียว่า “ท่านมีดาบ แหลน และหอกซัดมาหาเรา แต่เรามาหาท่านด้วยพระนามของพระผู้เป็นเจ้าจอมโยธา พระเจ้าของกองทัพของอิสราเอลที่ท่านท้าทาย 46 วันนี้พระผู้เป็นเจ้าจะมอบท่านไว้ในมือของเรา และเราจะปราบท่าน และตัดหัวท่าน และเราจะเอาศพทหารของชาวฟีลิสเตียให้นกในอากาศกับสัตว์ป่าในโลกกิน เพื่อทั่วทั้งโลกจะได้รู้ว่ามีพระเจ้าในอิสราเอล 47 และทุกคนที่อยู่ที่นี่จะได้รู้ว่าพระผู้เป็นเจ้าไม่ได้ช่วยให้รอดด้วยดาบและแหลน เพราะการสู้รบเป็นของพระผู้เป็นเจ้า และพระองค์จะมอบท่านไว้ในมือของพวกเรา”

48 เมื่อชาวฟีลิสเตียผู้นั้นก้าวเข้าไปหาดาวิดใกล้ยิ่งขึ้น ดาวิดจึงรีบวิ่งสู่สนามรบเพื่อปะทะกับชาวฟีลิสเตียผู้นั้น 49 ดาวิดหยิบก้อนหินที่อยู่ในถุงออกมาก้อนหนึ่ง และเหวี่ยงถูกหน้าผากของชาวฟีลิสเตีย หินก้อนนั้นฝังเข้าไปในหน้าผาก และเขาก็ทรุดตัวลงบนพื้นดิน

50 ดังนั้นดาวิดชนะชาวฟีลิสเตียด้วยสลิงและก้อนหินก้อนเดียว ปราบชาวฟีลิสเตียและฆ่าเขาได้ ดาวิดไม่มีแม้แต่ดาบติดตัว 51 ดาวิดวิ่งไปและก้มดูชาวฟีลิสเตียคนนั้น ควักดาบออกจากฝัก ฆ่าเขาให้ตายและตัดหัวด้วย เมื่อชาวฟีลิสเตียทั้งปวงเห็นว่าผู้ต่อสู้ตัวเอกของพวกเขาตายเสียแล้ว จึงพากันหนีเตลิดไป 52 ฝ่ายชาวอิสราเอลและยูดาห์ก็วิ่งไปข้างหน้าพร้อมกับเสียงโห่ร้องไล่ตามชาวฟีลิสเตียไปจนถึงเมืองกัทและประตูเมืองเอโครน ชาวฟีลิสเตียที่บาดเจ็บจึงล้มลงตามทางตั้งแต่ชาอาราอิม ไปจนถึงเมืองกัทและเอโครน 53 ชาวอิสราเอลไล่ล่าชาวฟีลิสเตียไปแล้วก็กลับมา เพื่อริบข้าวของไปจากค่าย 54 ฝ่ายดาวิดก็เอาหัวของชาวฟีลิสเตียคนนั้นไปที่เมืองเยรูซาเล็ม และเก็บเสื้อเกราะของโกลิอัทไว้ในกระโจมของตน

55 ทันทีที่ซาอูลเห็นดาวิดออกไปต่อสู้กับชาวฟีลิสเตียคนนั้น ท่านถามอับเนอร์ผู้บังคับกองพันทหารว่า “อับเนอร์ เจ้าหนุ่มน้อยคนนี้เป็นบุตรของใคร” อับเนอร์ตอบว่า “ข้าแต่กษัตริย์ ข้าพเจ้าพูดตามตรงว่า ข้าพเจ้าไม่ทราบ” 56 และกษัตริย์กล่าวว่า “ไปไถ่ถามดูสิว่าเด็กหนุ่มคนนั้นเป็นบุตรของใคร” 57 ขณะที่ดาวิดกลับมาจากการฆ่าฟันชาวฟีลิสเตีย อับเนอร์ก็พาไปหาซาอูลพร้อมกับหัวของชาวฟีลิสเตียยังอยู่ในมือ 58 ซาอูลจึงกล่าวกับเขาว่า “เจ้าหนุ่มน้อย เจ้าเป็นบุตรของใคร” ดาวิดตอบว่า “ข้าพเจ้าเป็นบุตรของเจสซีชาวเบธเลเฮมผู้รับใช้ของท่าน”

Footnotes

  1. 17:5 1 เชเขล หนักประมาณ 11.4 กรัม
  2. 17:17 ประมาณ 22 ลิตร
  3. 17:40 สลิง ใช้เหวี่ยงก้อนหิน