กิ่งอันชอบธรรม

23 องค์พระผู้เป็นเจ้าประกาศว่า “วิบัติแก่บรรดาคนเลี้ยงแกะซึ่งผลาญทำลายและทำให้ลูกแกะในท้องทุ่งของเรากระจัดกระจายไป!” ฉะนั้นพระยาห์เวห์พระเจ้าแห่งอิสราเอลจึงตรัสกับบรรดาคนเลี้ยงแกะซึ่งดูแลพี่น้องร่วมชาติของข้าพเจ้าว่า “เนื่องจากเจ้าทำให้ฝูงแกะของเรากระจัดกระจายไป เจ้าขับไล่ไสส่งและไม่ได้ดูแลเอาใจใส่พวกเขา ฉะนั้นเราจะลงโทษพวกเจ้าเพราะความชั่วที่เจ้าได้ทำ” องค์พระผู้เป็นเจ้าประกาศดังนั้น “เราเองจะรวบรวมฝูงแกะที่เหลือออกจากประเทศต่างๆ ที่เราขับไล่พวกเขาไป และจะนำพวกเขากลับมายังท้องทุ่งเดิม ที่ซึ่งพวกเขาจะมีลูกเต็มบ้านมีหลานเต็มเมือง เราจะตั้งคนเลี้ยงแกะซึ่งรับผิดชอบดูแลเขา เขาจะไม่ต้องหวาดกลัวอกสั่นขวัญแขวนอีกต่อไป และจะไม่มีคนใดขาดหายไป” องค์พระผู้เป็นเจ้าประกาศดังนั้น

องค์พระผู้เป็นเจ้าประกาศว่า “วันนั้นจะมาถึง
เมื่อเราจะสถาปนากิ่งอันชอบธรรมให้แก่ดาวิด[a]
ผู้นั้นเป็นกษัตริย์ซึ่งจะปกครองอย่างชาญฉลาด
และทำสิ่งที่ถูกต้องเที่ยงธรรมในแผ่นดิน
ในยุคสมัยของเขา ยูดาห์จะได้รับการช่วยกู้
และอิสราเอลจะอาศัยอยู่อย่างปลอดภัย
เขาผู้นั้นจะได้รับการขนานนามว่า
‘พระยาห์เวห์ผู้ทรงเป็นความชอบธรรมของเรา’”

องค์พระผู้เป็นเจ้าประกาศว่า “ฉะนั้นเมื่อเวลานั้นมาถึง ประชากรจะไม่พูดอีกต่อไปว่า ‘องค์พระผู้เป็นเจ้าผู้ทรงนำชนอิสราเอลออกมาจากอียิปต์นั้นทรงพระชนม์อยู่แน่ฉันใด’ แต่จะพูดว่า ‘องค์พระผู้เป็นเจ้าผู้ทรงนำวงศ์วานอิสราเอลออกมาจากดินแดนทางเหนือและจากทุกประเทศที่พระองค์ทรงเนรเทศเขาไปนั้นทรงพระชนม์อยู่แน่ฉันใด’ และพวกเขาจะอาศัยอยู่ในดินแดนของตนเอง”

ผู้เผยพระวจนะเท็จ

พระวจนะของพระเจ้าเกี่ยวกับบรรดาผู้เผยพระวจนะความว่า

ดวงใจข้าพเจ้าแหลกสลายอยู่ภายใน
กระดูกทุกซี่สั่นสะท้าน
ข้าพเจ้าเหมือนคนเมา
เหมือนคนที่ถูกครอบงำด้วยฤทธิ์เมรัย
เนื่องด้วยองค์พระผู้เป็นเจ้า
และพระวจนะอันบริสุทธิ์ของพระองค์
10 แผ่นดินเต็มไปด้วยคนล่วงประเวณี
เพราะคำสาปแช่ง[b] ผืนแผ่นดินก็แตกระแหง[c]
ทุ่งหญ้าในถิ่นกันดารก็เหี่ยวเฉาไป
เหล่าผู้เผยพระวจนะทำชั่ว
และใช้อำนาจอย่างไม่เป็นธรรม

11 “ทั้งปุโรหิตและผู้เผยพระวจนะล้วนแต่อธรรม
แม้แต่ในวิหารของเรา เราก็ยังเห็นความชั่วช้าเลวทรามของพวกเขา”
            องค์พระผู้เป็นเจ้าประกาศดังนั้น
12 “ฉะนั้นหนทางของเขาจึงลื่น
เขาจะถูกขับไล่ไสส่งไปสู่ความมืดมน
และจะล้มตายที่นั่น
เราจะนำภัยพิบัติมาสู่พวกเขา
ในปีที่พวกเขาถูกลงโทษ”
            องค์พระผู้เป็นเจ้าประกาศดังนั้น

13 “ในหมู่ผู้เผยพระวจนะของสะมาเรีย
เราเห็นสิ่งน่ารังเกียจคือ
พวกเขาพยากรณ์ในนามพระบาอัล
และนำประชากรอิสราเอลของเราหลงผิดไป
14 และเราก็เห็นสิ่งน่าขยะแขยง
ในหมู่ผู้เผยพระวจนะของเยรูซาเล็มคือ
พวกเขาล่วงประเวณีและดำเนินชีวิตอยู่ในความหลอกลวง
พวกเขาสนับสนุนคนทำชั่ว
เพื่อจะไม่มีใครหันกลับจากความชั่วร้ายของตน
สำหรับเรา พวกเขาเป็นเหมือนโสโดม
ชาวเยรูซาเล็มเป็นเหมือนโกโมราห์”

15 ฉะนั้นพระยาห์เวห์ผู้ทรงฤทธิ์ตรัสเกี่ยวกับบรรดาผู้เผยพระวจนะว่า

“เราจะทำให้พวกเขากินอาหารขม
และดื่มน้ำมีพิษ
เพราะความอธรรมก็ระบาดไปทั่วดินแดน
จากบรรดาผู้เผยพระวจนะของเยรูซาเล็ม”

16 พระยาห์เวห์ผู้ทรงฤทธิ์ตรัสว่า

“อย่าฟังสิ่งที่ผู้เผยพระวจนะเหล่านั้นพยากรณ์แก่เจ้า
พวกเขาให้แต่ความหวังลมๆ แล้งๆ
แจ้งนิมิตต่างๆ จากความคิดของตน
ไม่ใช่ถ้อยคำจากพระโอษฐ์ขององค์พระผู้เป็นเจ้า
17 เขาพร่ำบอกคนที่หมิ่นประมาทเราว่า
องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสดังนี้ว่า พวกท่านจะอยู่เย็นเป็นสุข’
บอกกับคนที่ทำตามใจดื้อดึงว่า
‘จะไม่มีภัยอันตรายใดๆ เกิดแก่ท่าน’
18 แต่มีคนไหนบ้างในพวกเขาซึ่งยืนอยู่ในที่ชุมนุมขององค์พระผู้เป็นเจ้า
เพื่อจะเห็นหรือได้ยินพระวจนะของพระองค์?
มีใครบ้างที่ฟังและได้ยินถ้อยคำของพระองค์?
19 ดูเถิด พายุขององค์พระผู้เป็นเจ้า
จะปะทุขึ้นด้วยความเกรี้ยวกราด
เป็นพายุหมุนลงมา
เหนือศีรษะของบรรดาคนชั่วร้าย
20 พระพิโรธขององค์พระผู้เป็นเจ้าจะไม่หันกลับ
จนกว่าจะสำเร็จตามเป้าหมายในพระทัยของพระองค์ทุกประการ
ในภายภาคหน้า
เจ้าจะเข้าใจสิ่งนี้แจ่มแจ้ง
21 เราไม่ได้ใช้ผู้เผยพระวจนะเหล่านี้มา
แต่พวกเขาก็กล่าวถ้อยคำของตนออกมา
เราไม่ได้ตรัสอะไรกับเขา
แต่พวกเขาก็พยากรณ์
22 แต่หากเขายืนอยู่ในที่ประชุมของเรา
ก็คงจะประกาศถ้อยคำของเราแก่เหล่าประชากร
และชักจูงให้เหล่าประชากรหันจากวิถี
และการกระทำอันชั่วร้ายของตน”

23 องค์พระผู้เป็นเจ้าประกาศว่า
“เราเป็นพระเจ้าผู้อยู่แต่เพียงใกล้ๆ แค่นั้นหรือ?
ไม่ได้เป็นพระเจ้าผู้อยู่ห่างไกลด้วยหรือ?”
24 องค์พระผู้เป็นเจ้าประกาศว่า
“มีใครสามารถหลบซ่อนในที่ลับจนเรามองไม่เห็นหรือ?”
องค์พระผู้เป็นเจ้าประกาศว่า
“เราอยู่ทั่วฟ้าสวรรค์และแผ่นดินโลกไม่ใช่หรือ?”

25 “เราได้ยินคำพูดของผู้เผยพระวจนะซึ่งพยากรณ์เท็จโดยอ้างนามของเรา พวกเขาพูดว่า ‘ข้าพเจ้าฝันเห็น! ข้าพเจ้าฝันเห็น!’ 26 อีกนานสักเท่าไรที่สิ่งนี้จะคงอยู่ในใจของผู้เผยพระวจนะเท็จผู้ซึ่งพยากรณ์ภาพหลอนในใจของตนเอง? 27 พวกเขาคิดว่าความฝันที่ตนเล่าสู่กันฟังจะทำให้ประชากรของเราลืมนามของเรา เหมือนที่บรรพบุรุษของพวกเขาได้ลืมนามของเราไปกราบไหว้พระบาอัล 28 ให้ผู้เผยพระวจนะเหล่านี้เล่าความฝันของเขาไปเถิด แต่ผู้ที่มีถ้อยคำของเราก็จงประกาศไปอย่างซื่อสัตย์ เพราะฟางข้าวก็ต่างจากเมล็ดข้าวไม่ใช่หรือ?” องค์พระผู้เป็นเจ้าประกาศดังนั้น 29 องค์พระผู้เป็นเจ้าประกาศว่า “ถ้อยคำของเราเหมือนไฟ และเหมือนค้อนที่ทุบหินแตกเป็นเสี่ยงๆ ไม่ใช่หรือ?”

30 องค์พระผู้เป็นเจ้าประกาศว่า “ฉะนั้นเราเป็นศัตรูกับผู้เผยพระวจนะที่พยากรณ์แล้วอ้างว่าเป็นถ้อยคำของเรา และพวกเขาขโมยถ้อยคำเหล่านั้นจากกันและกัน” 31 องค์พระผู้เป็นเจ้าประกาศว่า “ถูกแล้ว เราเป็นศัตรูกับผู้เผยพระวจนะซึ่งกระดกลิ้นตัวเอง แต่ก็ยังอ้างว่า ‘องค์พระผู้เป็นเจ้าประกาศว่า’ ” 32 องค์พระผู้เป็นเจ้าประกาศว่า “แน่ละ เราเป็นศัตรูกับผู้พยากรณ์เท็จที่เล่าฝันซึ่งกุขึ้นมาเอง พวกเขาชักนำประชากรของเราให้หลงผิดโดยคำโกหกคล่องปาก ทั้งๆ ที่เราไม่ได้ใช้เขาหรือแต่งตั้งเขา เขาไม่ได้เป็นประโยชน์แก่ประชากรเหล่านี้แม้แต่น้อย” องค์พระผู้เป็นเจ้าประกาศดังนั้น

คำพยากรณ์และผู้เผยพระวจนะเท็จ

33 “เมื่อใครในหมู่ประชากร ผู้เผยพระวจนะหรือปุโรหิตมาถามเจ้าว่า ‘วันนี้องค์พระผู้เป็นเจ้ามีพระดำรัส[d]อะไรบ้าง?’ เจ้าจงตอบว่า ‘พระดำรัสน่ะหรือ? องค์พระผู้เป็นเจ้าประกาศว่า เราจะเหวี่ยงเจ้าทิ้ง’ 34 ถ้าปุโรหิตหรือผู้เผยพระวจนะหรือผู้หนึ่งผู้ใดแอบอ้างว่า ‘นี่คือพระดำรัสจากองค์พระผู้เป็นเจ้า’ เราจะลงโทษผู้นั้นกับครอบครัวของเขา 35 ที่พวกเจ้าแต่ละคนเฝ้าถามกับญาติมิตรของตนว่า ‘องค์พระผู้เป็นเจ้ามีพระดำรัสตอบว่าอย่างไร?’ หรือ ‘องค์พระผู้เป็นเจ้าได้ตรัสอะไร?’ 36 แต่เจ้าอย่าพูดว่า ‘นี่คือพระดำรัสขององค์พระผู้เป็นเจ้า’ อีกเลย เพราะเมื่อเจ้าเอาคำพูดของตัวเองมาแอบอ้างเป็นพระดำรัสของพระองค์ เจ้าก็บิดเบือนพระวจนะของพระเจ้าผู้ทรงพระชนม์อยู่ พระยาห์เวห์ผู้ทรงฤทธิ์พระเจ้าของเรา 37 เจ้าทั้งหลายมักพูดกับผู้เผยพระวจนะว่า ‘องค์พระผู้เป็นเจ้ามีพระดำรัสตอบท่านว่าอย่างไร?’ หรือ ‘องค์พระผู้เป็นเจ้าได้ตรัสอะไร?’ 38 ถึงแม้เจ้าอ้างว่า ‘นี่คือพระดำรัสขององค์พระผู้เป็นเจ้า’ องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสดังนี้ว่า เจ้าใช้คำพูดว่า ‘นี่คือพระดำรัสขององค์พระผู้เป็นเจ้า’ ทั้งๆ ที่เราห้ามไม่ให้เจ้าอ้างว่า ‘นี่คือพระดำรัสขององค์พระผู้เป็นเจ้า’ 39 ฉะนั้นเราจะลืมเจ้าและเหวี่ยงเจ้าออกไปให้พ้นหน้าเราอย่างแน่นอน พร้อมทั้งกรุงนี้ซึ่งเราได้ยกให้เจ้าและบรรพบุรุษของเจ้า 40 เราจะนำความอัปยศอดสูตลอดกาลมาสู่เจ้า ความอับอายเนืองนิตย์ซึ่งไม่มีวันลืม”

Footnotes

  1. 23:5 หรือขึ้นมาจากเชื้อสายของดาวิด
  2. 23:10 หรือเนื่องด้วยสิ่งเหล่านี้
  3. 23:10 หรือแผ่นดินก็คร่ำครวญ
  4. 23:33 หรือภาระทั้งสองครั้งในข้อนี้ คำภาษาฮีบรูที่มีความหมายว่าพระดำรัสและภาระเป็นคำเดียวกัน

อังกูรผู้มีความชอบธรรม

23 พระผู้เป็นเจ้าประกาศดังนี้ “วิบัติจงเกิดแก่บรรดาผู้เลี้ยงดูฝูงแกะที่ทำลายและทำให้แกะที่อยู่ในทุ่งหญ้าของเรากระจัดกระจายไป” ฉะนั้น พระผู้เป็นเจ้า พระเจ้าของอิสราเอลกล่าวถึงเรื่องบรรดาผู้เลี้ยงดูฝูงแกะที่ดูแลชนชาติของเราดังนี้ “พวกเจ้าได้ทำให้ฝูงแกะของเรากระจัดกระจายไป และได้ขับไล่ให้พวกเขาออกไป และพวกเจ้าไม่ได้เอาใจใส่ต่อเขาเหล่านั้น ดูเถิด เราจะเอาใจใส่ต่อพวกเจ้ากับการกระทำชั่วของเจ้า พระผู้เป็นเจ้าประกาศดังนั้น แล้วเราจะรวบรวมแกะของเราที่เหลืออยู่ในฝูง ให้ออกจากทุกประเทศที่เราได้ขับไล่ให้พวกเขาออกไป และเราจะนำพวกเขากลับมาสู่ทุ่งหญ้าเดิม พวกเขาจะเกิดผลและทวีจำนวนขึ้น เราจะแต่งตั้งผู้เลี้ยงดูฝูงแกะที่จะเอาใจใส่ต่อพวกเขา และพวกเขาจะไม่กลัวอีกต่อไป จะไม่ตกใจ และจะไม่มีใครขาดหายไปไหน” พระผู้เป็นเจ้าประกาศดังนั้น

พระผู้เป็นเจ้าประกาศดังนี้ว่า “ดูเถิด จะถึงวันที่เราจะกำหนดอังกูร[a]ผู้หนึ่งซึ่งกอปรด้วยความชอบธรรมให้แก่ดาวิด และท่านจะครองราชย์อย่างกษัตริย์และดำเนินการด้วยการไตร่ตรองจากสติปัญญา และจะปฏิบัติด้วยความเป็นธรรมและความชอบธรรมในแผ่นดิน เมื่อท่านมา ยูดาห์จะปลอดภัย และอิสราเอลจะอยู่อย่างมั่นคง ผู้คนจะเรียกชื่อท่านว่า ‘พระผู้เป็นเจ้าเป็นความชอบธรรมของพวกเรา’”

พระผู้เป็นเจ้าประกาศดังนี้ว่า “ดูเถิด จะถึงเวลาที่จะไม่มีใครพูดว่า ‘ตราบที่พระผู้เป็นเจ้าผู้นำชาวอิสราเอลออกจากแผ่นดินอียิปต์มีชีวิตอยู่ฉันใด’ แต่จะเป็นที่พูดกันว่า ‘ตราบที่พระผู้เป็นเจ้าผู้นำเชื้อสายของพงศ์พันธุ์อิสราเอลออกจากดินแดนทางเหนือ และจากดินแดนทั้งปวงที่พระองค์เคยขับไล่ออกไป มีชีวิตอยู่ฉันใด’ พวกเขาจึงจะกลับมาอยู่ในแผ่นดินของพวกเขาเอง”

คำเท็จของบรรดาผู้เผยคำกล่าว

เรื่องเกี่ยวกับบรรดาผู้เผยคำกล่าว

ใจข้าพเจ้าแตกสลาย
    กระดูกของข้าพเจ้าทุกชิ้นสั่นสะท้าน
ข้าพเจ้าเป็นเหมือนคนเมา
    เหมือนคนถูกควบคุมด้วยเหล้าองุ่น
เป็นเพราะพระผู้เป็นเจ้า
    และเพราะคำกล่าวอันบริสุทธิ์ของพระองค์
10 “แผ่นดินเต็มไปด้วยคนผิดประเวณี
    แผ่นดินร้องคร่ำครวญเพราะคำสาปแช่ง
    และทุ่งหญ้าในถิ่นทุรกันดารแห้งเหือด
ทางดำเนินชีวิตของพวกเขาชั่วร้าย
    และใช้อำนาจอย่างไม่ยุติธรรม
11 ทั้งผู้เผยคำกล่าวและปุโรหิตไร้คุณธรรม
    เราเห็นสิ่งชั่วร้ายที่พวกเขาทำแม้แต่ในตำหนักของเรา”
    พระผู้เป็นเจ้าประกาศดังนั้น
12 “ฉะนั้น วิถีทางของพวกเขาจะเป็น
    ทางเดินที่ลื่นในความมืด
    ซึ่งพวกเขาจะถูกขับไล่ลงไปและล้มลง
เพราะเราจะทำให้พวกเขาประสบกับความวิบัติ
    ในปีแห่งการลงโทษ”
    พระผู้เป็นเจ้าประกาศดังนั้น
13 “เราเห็นสิ่งที่บรรดาผู้เผยคำกล่าว
    ที่อยู่ในสะมาเรียกระทำผิด
พวกเขาเผยความด้วยเทพเจ้าบาอัล
    และนำอิสราเอลชนชาติของเราให้หลงผิด
14 เราได้เห็นสิ่งที่บรรดาผู้เผยคำกล่าว
    ที่อยู่ในเยรูซาเล็มกระทำสิ่งเลวร้ายมาก
พวกเขาประพฤติผิดประเวณีและพูดเท็จ
    พวกเขาสนับสนุนคนทำความชั่ว
    ซึ่งทำให้ไม่มีผู้ใดหันไปจากความชั่ว
ในสายตาของเรา พวกเขาทุกคนกลายเป็นเหมือนโสโดม
    และบรรดาผู้อยู่อาศัยเป็นเหมือนโกโมราห์”

15 ฉะนั้น พระผู้เป็นเจ้าจอมโยธากล่าวถึงบรรดาผู้เผยคำกล่าวดังนี้

“ดูเถิด เราจะให้อาหารขมพวกเขากิน
    และให้น้ำมีพิษแก่พวกเขาดื่ม
เพราะการกระทำที่ไร้คุณธรรมได้แพร่ไปทั่วแผ่นดิน
    เป็นเพราะบรรดาผู้เผยคำกล่าวที่อยู่ในเยรูซาเล็ม”

16 พระผู้เป็นเจ้าจอมโยธากล่าวดังนี้ “อย่าฟังคำของบรรดาผู้เผยคำกล่าวที่เผยความแก่พวกเจ้า ทำให้พวกเจ้าฟังแต่เรื่องความหวังลมๆ แล้งๆ พวกเขาพูดถึงภาพนิมิตอันเกิดจากความคิดของเขาเอง ไม่ใช่จากปากของพระผู้เป็นเจ้า 17 พวกเขาพูดอยู่เสมอกับพวกที่ดูหมิ่นคำกล่าวของพระผู้เป็นเจ้าว่า ‘ทุกอย่างจะเป็นไปด้วยดีกับพวกท่าน’ และพูดกับทุกคนที่ดื้อรั้นตามใจตนเองว่า ‘ท่านจะไม่ประสบกับความพินาศ’”

18 มีใครในหมู่พวกเขาที่เข้าพบพระผู้เป็นเจ้า
    เพื่อจะทราบและได้ยินคำกล่าวของพระองค์
    หรือใครบ้างที่ตั้งใจฟังคำกล่าวของพระองค์ และได้ยินพระองค์
19 ดูเถิด ความกริ้วดั่งพายุของพระผู้เป็นเจ้า
    การลงโทษได้ก้าวออกไปแล้ว
พายุอันแรงกล้า
    จะกระหน่ำลงบนหัวของคนชั่ว
20 ความกริ้วของพระผู้เป็นเจ้าจะไม่หวนกลับ
    จนกว่าพระองค์จะได้กระทำตามความตั้งใจให้สำเร็จ
ในวันข้างหน้า พวกท่านจะเข้าใจอย่างชัดเจน

21 “เราไม่ได้ใช้บรรดาผู้เผยคำกล่าวไป
    แต่พวกเขาก็ยังรีบไป
เราไม่ได้พูดกับพวกเขา
    แต่พวกเขาก็ยังเผยความ
22 แต่ถ้าพวกเขาได้ฟังเรา
    พวกเขาก็จะประกาศคำกล่าวของเราให้แก่ชนชาติของเรา
และพวกเขาก็จะทำให้ประชาชนหันไปจากวิถีทางแห่งความชั่ว
    และจากการกระทำความชั่วของพวกเขา”

23 พระผู้เป็นเจ้าประกาศดังนี้ “เราเป็นพระเจ้าที่อยู่ใกล้แค่เอื้อมเพียงเท่านั้นหรือ ไม่ใช่พระเจ้าที่อยู่ในทุกแห่งหนหรือ 24 มีผู้ใดซ่อนตัวในที่ลี้ลับเพื่อไม่ให้เรามองเห็นได้หรือ” พระผู้เป็นเจ้ากล่าวดังนั้น “เราอยู่ทุกแห่งหนทั้งในฟ้าสวรรค์และโลก” พระผู้เป็นเจ้ากล่าวดังนั้น 25 “เราเคยได้ยินคำเท็จของบรรดาผู้เผยคำกล่าว พวกเขาเผยความในนามของเราว่า ‘เราฝัน เราฝัน’ 26 อีกนานแค่ไหนที่จะมีความเท็จอยู่ในจิตใจของบรรดาผู้เผยคำกล่าว พวกเขาเผยความเท็จ และเผยความลวงหลอกที่อยู่ในจิตใจของพวกเขา 27 พวกเขาคิดว่าความฝันที่บอกเล่าต่อกันและกันจะทำให้ชนชาติของเราลืมชื่อของเรา เหมือนอย่างที่บรรพบุรุษของพวกเขาลืมชื่อของเรา และหันเข้าหาเทพเจ้าบาอัล 28 ให้ผู้เผยคำกล่าวพูดถึงความฝันที่เขาฝันเห็น แต่จงให้ผู้ที่มีคำกล่าวของเราพูดคำของเราด้วยความภักดี ฟางกับข้าวสาลีมีอะไรที่เทียบเท่ากันได้หรือ” พระผู้เป็นเจ้ากล่าวดังนั้น 29 “คำของเราเป็นเหมือนไฟมิใช่หรือ” พระผู้เป็นเจ้าประกาศดังนั้น “และเหมือนค้อนที่ทุบก้อนหินแตกเป็นเสี่ยงๆ” 30 พระผู้เป็นเจ้าประกาศดังนี้ว่า “ฉะนั้น ดูเถิด เรากล่าวโทษบรรดาผู้เผยคำกล่าว พวกเขาฉวยเอาว่า คำพูดของพวกเขาเป็นคำพูดของเรา” 31 พระผู้เป็นเจ้าประกาศดังนี้ว่า “ดูเถิด เรากล่าวโทษบรรดาผู้เผยคำกล่าว พวกเขาใช้ลิ้นอ้างว่า ‘พระผู้เป็นเจ้าประกาศว่า’” 32 ดูเถิด พระผู้เป็นเจ้าประกาศดังนี้ว่า “เรากล่าวโทษบรรดาผู้ที่เผยความเท็จที่มาจากความฝัน พวกเขาบอกเรื่องที่เขาฝัน และนำชนชาติของเราให้หลงผิดด้วยความเท็จและคำที่เกินความจริง ทั้งที่เราไม่ได้ใช้พวกเขาหรือสั่งให้ไป ฉะนั้นพวกเขาไม่ได้ทำสิ่งใดให้เกิดประโยชน์แก่ชนชาตินี้เลย” พระผู้เป็นเจ้าประกาศดังนั้น

33 “เวลาที่คนใดคนหนึ่งในชนชาตินี้ หรือผู้เผยคำกล่าว หรือปุโรหิต ถามเจ้าว่า ‘อะไรเป็นคำพยากรณ์ของพระผู้เป็นเจ้า’ เจ้าจงตอบพวกเขาว่า ‘คำพยากรณ์อะไรน่ะหรือ พระผู้เป็นเจ้าประกาศดังนี้ว่า “เราจะทอดทิ้งพวกเจ้า”’ 34 และสำหรับผู้เผยคำกล่าว ปุโรหิต หรือหนึ่งในชนชาติที่พูดว่า ‘นี่คือคำพยากรณ์ของพระผู้เป็นเจ้า’ เราจะลงโทษผู้นั้นและครัวเรือนของเขา 35 เจ้าควรจะพูดเช่นนี้ ให้ทุกคนพูดกับเพื่อนบ้านและพี่น้องของตนว่า ‘พระผู้เป็นเจ้าตอบอย่างไรบ้าง’ หรือ ‘พระผู้เป็นเจ้ากล่าวอย่างไรบ้าง’ 36 แต่เจ้าจงอย่าพูดคำว่า ‘คำพยากรณ์ของพระผู้เป็นเจ้า’ อีกต่อไป เพราะคำพยากรณ์คือคำพูดของเขาแต่ละคน เจ้าได้บิดเบือนคำกล่าวของพระเจ้าผู้ดำรงชีวิตอยู่ พระผู้เป็นเจ้าจอมโยธา พระเจ้าของเรา 37 เจ้าจงพูดกับผู้เผยคำกล่าวดังนี้ ‘พระผู้เป็นเจ้าตอบท่านอย่างไรบ้าง’ หรือ ‘พระผู้เป็นเจ้ากล่าวอย่างไรบ้าง’ 38 แต่ถ้าเจ้าพูดว่า ‘คำพยากรณ์ของพระผู้เป็นเจ้า’ เป็นเพราะเจ้าพูดคำนั้น ทั้งๆ ที่เราให้คนไปบอกเจ้าว่าอย่าพูดว่า ‘คำพยากรณ์ของพระผู้เป็นเจ้า 39 ฉะนั้น ดูเถิด เราจะยกตัวเจ้าขึ้นมาอย่างแน่นอน และเหวี่ยงเจ้าไปให้ไกลจากเรา ทั้งตัวเจ้าและเมืองที่เรามอบให้แก่เจ้า และบรรพบุรุษของพวกเจ้า 40 และเราจะทำให้พวกเจ้าถูกดูหมิ่นและรับความอับอายไปตลอดกาล ซึ่งจะไม่มีวันลืมได้”

Footnotes

  1. 23:5 คือพระเมสสิยาห์ซึ่งพระเจ้าได้สัญญาไว้กับดาวิด ฉบับ 2 ซามูเอล 7:12,13; 1 พงศาวดาร 17:12; อิสยาห์ 4:2; 11:1; เยเรมีย์ 33:15; เศคาริยาห์ 3:8; 6:12