อิสราเอลละทิ้งพระเจ้า

พระดำรัสขององค์พระผู้เป็นเจ้ามาถึงข้าพเจ้าว่า “จงไปประกาศให้ชาวเยรูซาเล็มได้ยินดังนี้

“ ‘เรายังจำความจงรักภักดีในวัยแรกรุ่นของเจ้าได้
เจ้ารักเราเหมือนเจ้าเป็นเจ้าสาวของเรา
และติดตามเราผ่านถิ่นกันดาร
ผ่านดินแดนซึ่งหว่านพืชไม่ได้
อิสราเอลเคยบริสุทธิ์สำหรับองค์พระผู้เป็นเจ้า
เคยเป็นผลแรกที่ทรงเก็บเกี่ยว
ผู้ใดกัดกินอิสราเอลผู้นั้นก็มีความผิด
และต้องพบกับหายนะ’ ”
            องค์พระผู้เป็นเจ้าประกาศดังนั้น

พงศ์พันธุ์ยาโคบเอ๋ย ทุกตระกูลของพงศ์พันธุ์อิสราเอลเอ๋ย
จงฟังพระดำรัสขององค์พระผู้เป็นเจ้า

องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสว่า

“บรรพบุรุษของเจ้าเห็นเรามีข้อเสียตรงไหนหรือ
จึงได้หลงเตลิดไปไกลจากเราเช่นนี้?
พวกเขาได้ไปติดตามรูปเคารพอันไร้ค่า
และทำให้ตัวเองไร้ค่าไป
พวกเขาไม่ได้ถามว่า ‘องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงอยู่ที่ไหน?
ผู้ทรงนำเราออกมาจากอียิปต์
นำเราผ่านถิ่นกันดารแห้งแล้ง
ผ่านดินแดนแห่งทะเลทรายและโตรกเขา
เป็นดินแดนที่แห้งแล้งและมืดมน[a]
ดินแดนซึ่งไม่มีใครอยู่อาศัยหรือผ่านไปมา’
เรานำพวกเจ้ามายังแผ่นดินอันอุดมสมบูรณ์
ให้กินผลิตผลชั้นดีมากมาย
แต่เจ้ากลับทำให้แผ่นดินของเราเป็นมลทิน
และทำให้มรดกที่เรายกให้กลายเป็นสิ่งที่น่าชิงชัง
ปุโรหิตทั้งหลายไม่ถามว่า
องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงอยู่ที่ไหน?’
ผู้ที่รักษากฎหมายไม่รู้จักเรา
บรรดาผู้นำกบฏต่อเรา
เหล่าผู้เผยพระวจนะได้พยากรณ์ในนามของพระบาอัล
ติดตามรูปเคารพอันไร้ค่า

“ฉะนั้นเราจึงกล่าวโทษเจ้าอีกครั้ง”
            องค์พระผู้เป็นเจ้าประกาศดังนั้น
“และเราจะกล่าวโทษลูกหลานของเจ้า
10 จงข้ามทะเลไปยังชายฝั่งของคิททิม[b]และมองดู
ส่งคนไปยังเคดาร์[c]แล้วสังเกตให้ดี
ไปดูสิว่าเคยมีเรื่องอย่างนี้เกิดขึ้นบ้างไหม?
11 เคยมีชาติหนึ่งชาติใดเปลี่ยนเทพเจ้าที่พวกเขานับถือหรือไม่?
(ทั้งๆ ที่เทพเจ้าเหล่านั้นก็ไม่ใช่พระเจ้า)
แต่ประชากรของเราเอาองค์ผู้ทรงเกียรติสิริของพวกเขา[d]
ไปแลกกับรูปเคารพอันไร้ค่า
12 ฟ้าสวรรค์เอ๋ย จงตกตะลึงด้วยเรื่องนี้
จงขยะแขยงสะอิดสะเอียน”
            องค์พระผู้เป็นเจ้าประกาศดังนั้น
13 “ประชากรของเราทำบาปถึงสองสถานคือ
พวกเขาได้ละทิ้งเรา
ผู้เป็นธารน้ำซึ่งให้ชีวิต
และได้สร้างบ่อน้ำรั่วให้ตนเอง
ซึ่งเก็บน้ำไว้ไม่อยู่
14 อิสราเอลเป็นขี้ข้า เป็นทาสตั้งแต่เกิดหรือ?
ก็แล้วทำไมพวกเขาจึงกลายเป็นของให้ปล้นชิง?
15 เหล่าสิงโตคำราม
ร้องขู่เขา
ทำให้ดินแดนของเขาเริศร้าง
หัวเมืองทั้งหมดของเขาถูกเผาและทิ้งร้าง
16 ทั้งชาวเมืองเมมฟิส[e]และทาห์ปานเหส
ก็ได้โกนผมบนกระหม่อมของเจ้า[f]
17 เจ้าทำตัวของเจ้าเองไม่ใช่หรือ?
สิ่งนี้เกิดขึ้นเพราะเจ้าละทิ้งองค์พระผู้เป็นเจ้าพระเจ้าของเจ้า
ขณะที่พระองค์ทรงนำเจ้ามาตามทางไม่ใช่หรือ?
18 บัดนี้ทำไมเจ้าจึงไปยังอียิปต์
เพื่อไปดื่มน้ำจากชิโหร์[g]?
และทำไมเจ้าไปยังอัสซีเรีย
เพื่อไปดื่มน้ำจากแม่น้ำยูเฟรติส?
19 ความชั่วร้ายของเจ้าเองจะลงโทษเจ้า
ที่เจ้าถอยหลังเข้าคลองนั้นจะเป็นการกล่าวโทษเจ้าเอง
จงพิเคราะห์ดูแล้วเจ้าจะตระหนักว่า
มันเลวร้ายและขมขื่นเพียงใดสำหรับเจ้า
เมื่อเจ้าละทิ้งพระยาห์เวห์พระเจ้าของเจ้า
และไม่มีความยำเกรงเราเลย”
องค์พระผู้เป็นเจ้า พระยาห์เวห์
            ผู้ทรงฤทธิ์ประกาศดังนั้น

20 “นานมาแล้วเจ้าได้สลัดแอกของเจ้าทิ้ง
และหักทำลายเครื่องพันธนาการต่างๆ ของเจ้า
เจ้าพูดว่า ‘ข้าพระองค์จะไม่ปรนนิบัติพระองค์!’
แท้จริง เจ้าเอนกายลงดั่งหญิงโสเภณี
บนภูเขาสูงทุกลูก
และใต้ต้นไม้ใบดกทุกต้น
21 เราปลูกเจ้าไว้เหมือนเถาองุ่นพันธุ์ดี
เป็นพันธุ์แท้ที่น่าเชื่อถือ
แล้วเจ้ากลายมาเป็นปฏิปักษ์ต่อเรา
เป็นเถาองุ่นป่าเสื่อมทรามไปได้อย่างไร?
22 แม้เจ้าชำระกายด้วยน้ำด่าง
และฟอกสบู่เป็นการใหญ่
แต่คราบความผิดของเจ้าก็ยังคงอยู่ต่อหน้าเรา”
            พระยาห์เวห์องค์เจ้าชีวิตประกาศดังนั้น

23 “เจ้าพูดออกมาได้อย่างไรว่า ‘ข้าไม่มีมลทิน
ข้าไม่ได้วิ่งตามพระบาอัล’?
ก็ดูสิว่าเจ้าได้ประพฤติตัวอย่างไร
จงพิจารณาดูสิ่งที่เจ้าทำในหุบเขานั้น
เจ้าเป็นอูฐตัวเมียที่อยู่ไม่สุข
วิ่งพล่านไปนั่นไปนี่
24 เป็นลาป่าที่คุ้นเคยกับถิ่นทะเลทราย
ทำจมูกฟุดฟิดสูดลมหายใจในฤดูผสมพันธุ์
ใครจะยับยั้งความกระสันของมันได้?
ตัวผู้ตัวไหนต้องการเจ้า ก็ไม่ต้องลำบากลำบนเลย
ถึงเวลาผสมพันธุ์พวกมันก็จะพบเจ้า
25 อย่าวิ่งจนเท้าเปล่า
และจนคอแห้งเลย
แต่เจ้าพูดว่า ‘ไม่มีประโยชน์!
ข้ารักพระต่างชาติทั้งหลาย
และจะต้องติดตามไป’

26 “พงศ์พันธุ์อิสราเอลอับอายขายหน้า
เหมือนขโมยอับอายขายหน้าเมื่อถูกจับได้
ทั้งพวกเขาเอง บรรดากษัตริย์ ข้าราชการ
ปุโรหิตและผู้เผยพระวจนะของพวกเขา
27 พวกเขากล่าวกับท่อนไม้ว่า ‘ท่านเป็นบิดาของข้า’
และกล่าวกับก้อนหินว่า ‘ท่านให้กำเนิดข้า’
พวกเขาหันหลังให้เรา
และไม่ได้หันหน้ามาหาเรา
แต่เมื่อถึงเวลาเดือดร้อน เขากลับกล่าวว่า
‘โปรดเสด็จมาช่วยข้าพระองค์ทั้งหลายด้วย!’
28 ไหนล่ะบรรดาเทพเจ้าที่เจ้าสร้างขึ้นให้ตัวเอง?
ถ้าเขาช่วยเจ้าได้ ให้เขาช่วยเจ้า
ในเวลาทุกข์ร้อนสิ!
เพราะเจ้ามีเทพเจ้ามากมาย
พอๆ กับจำนวนหัวเมืองที่เจ้ามี ยูดาห์เอ๋ย

29 “เหตุใดเจ้าจึงกล่าวโทษเรา?
พวกเจ้าทุกคนล้วนกบฏต่อเรา”
            องค์พระผู้เป็นเจ้าประกาศดังนั้น
30 “ป่วยการที่เราจะลงโทษพลเมืองของเจ้า
เขาไม่ดีขึ้นเลย
คมดาบของเจ้าได้ขย้ำผู้เผยพระวจนะของเจ้า
เหมือนสิงโตขย้ำเหยื่อของมัน

31 “คนรุ่นนี้เอ๋ย จงใคร่ครวญพระดำรัสขององค์พระผู้เป็นเจ้าเถิด

“เราเป็นถิ่นกันดารหรือ?
เป็นดินแดนมืดมนสำหรับอิสราเอลหรือ?
แล้วทำไมประชากรของเราจึงพูดว่า ‘เมื่อเราไปไหนมาไหนได้อย่างอิสระ
เราจะไม่มาหาพระองค์อีกต่อไป’?
32 หญิงสาวจะลืมเพชรนิลจินดาของเธอหรือ?
เจ้าสาวจะลืมเครื่องประดับในวันสมรสหรือ?
ถึงกระนั้นประชากรของเราได้ลืมเรามานาน
นานจนนับวันไม่ไหว
33 เจ้าช่ำชองในการล่าความรักยิ่งนัก!
แม้กระทั่งหญิงชั่วที่สุดก็ยังมาเรียนจากวิถีของเจ้า
34 เสื้อผ้าของเจ้าเปรอะเปื้อน
ด้วยเลือดของผู้ยากไร้ซึ่งไม่มีความผิด
เจ้าฆาตกรรมโดยไร้เหตุ
แต่ถึงเพียงนี้แล้ว
35 เจ้ายังพูดว่า ‘ข้าไม่มีความผิด
พระองค์ไม่ได้กริ้วข้า’
แต่เราจะพิพากษาโทษเจ้า
เนื่องจากเจ้าพูดว่า ‘ข้าไม่ได้ทำบาป’
36 ทำไมเจ้าจึงโผไปทางโน้นโผมาทางนี้
เดี๋ยวคว้าทางโน้นเดี๋ยวฉวยทางนี้
เจ้าจะผิดหวังเพราะอียิปต์
เหมือนที่เจ้าเคยผิดหวังเพราะอัสซีเรียมาแล้ว
37 เจ้าจะเอามือกุมศีรษะ
ออกมาจากที่นั่นเช่นกัน
เพราะองค์พระผู้เป็นเจ้าปฏิเสธบรรดาผู้ที่เจ้าไว้เนื้อเชื่อใจ
พวกเขาจะช่วยอะไรเจ้าไม่ได้

Footnotes

  1. 2:6 หรือและเงาแห่งความตาย
  2. 2:10 คือ ไซปรัสและชายฝั่งทะเลทางตะวันตก
  3. 2:10 เป็นที่อยู่ของเผ่าเบดูอิน ในทะเลทรายเขตซีเรียและอาระเบีย
  4. 2:11 สำเนาต้นฉบับภาษาฮีบรูโบราณว่าเอาเกียรติสิริของเรา
  5. 2:16 ภาษาฮีบรูว่าโนฟ
  6. 2:16 หรือทำให้กะโหลกศีรษะของเจ้าแตก
  7. 2:18 คือ สาขาหนึ่งของแม่น้ำไนล์

อิสราเอลทอดทิ้งพระผู้เป็นเจ้า

พระผู้เป็นเจ้ากล่าวกับข้าพเจ้าว่า “จงไปประกาศให้ทุกคนในเยรูซาเล็มรับรู้ว่า พระผู้เป็นเจ้ากล่าวดังนี้

เราระลึกถึงการอุทิศตนเมื่อเจ้ายังเยาว์
    ความรักของเจ้าที่มีต่อเราราวกับเจ้าสาว
และเจ้าติดตามเราอย่างไรในถิ่นทุรกันดาร
    ในแผ่นดินที่ยังไม่มีพันธุ์ไม้เลย
อิสราเอลเคยบริสุทธิ์ต่อพระผู้เป็นเจ้า
    ดั่งผลแรกของการเก็บเกี่ยว
ทุกคนที่กินผลแรกก็จะมีความผิด
    และได้รับความวิบัติ”
    พระผู้เป็นเจ้าประกาศดังนั้น

พวกท่านที่เป็นผู้สืบเชื้อสายของยาโคบ และตระกูลทั้งปวงของพงศ์พันธุ์อิสราเอลเอ๋ย จงฟังคำกล่าวของพระผู้เป็นเจ้า พระผู้เป็นเจ้ากล่าวดังนี้

“บรรพบุรุษของเจ้าเห็นว่าเราทำสิ่งใดผิด
    จึงได้ห่างเหินไปจากเรา
และกลับติดตามสิ่งอันไร้ค่า
    และกลายเป็นคนไร้ค่า
พวกเขาไม่ได้พูดว่า ‘พระผู้เป็นเจ้าอยู่ไหน
    ผู้ที่นำพวกเราขึ้นมาจากแผ่นดินอียิปต์
ผู้นำพวกเราในถิ่นทุรกันดาร
    ในแผ่นดินที่เป็นทะเลทรายและเป็นหลุมทราย
ในแผ่นดินแห้งแล้งและปราศจากชีวิต
    ในแผ่นดินที่ไม่มีใครเดินทางผ่าน
    หรืออาศัยอยู่’
และเรานำเจ้าเข้าไปในแผ่นดินอันอุดม
    เพื่อให้เจ้าสุขสำราญกับผลิตผลและสิ่งดีๆ ของแผ่นดิน
แต่เมื่อเจ้าเข้ามาแล้ว เจ้าทำให้แผ่นดินที่เรามอบให้เป็นมรดกเป็นมลทิน
    และทำให้ผืนแผ่นดินของเราเป็นที่น่ารังเกียจ
บรรดาปุโรหิตไม่ได้พูดว่า
    พระผู้เป็นเจ้าอยู่ไหน’
บรรดาผู้เชี่ยวชาญด้านกฎบัญญัติไม่รู้จักเรา
    บรรดาผู้เลี้ยงดูฝูงแกะก็ล่วงละเมิดต่อเรา
บรรดาผู้เผยคำกล่าวพูดในนามของเทพเจ้าบาอัล
    และไปติดตามสิ่งที่ไม่ก่อให้เกิดประโยชน์”

ฉะนั้น พระผู้เป็นเจ้าประกาศดังนี้

“เรายังคัดค้านเจ้าอยู่
    เราจะคัดค้านลูกของเจ้าและลูกๆ ของลูกเจ้าด้วย
10 ถ้าเจ้าข้ามไปยังฝั่งทะเลของไซปรัสและมองดู
    หรือให้ผู้ใดไปยังเคดาร์และสำรวจอย่างระมัดระวัง
    ดูสิว่าเคยมีเรื่องเช่นนี้เกิดขึ้นหรือไม่
11 มีประชาชาติใดที่เปลี่ยนเทพเจ้าบ้าง
    แม้ว่าจะไม่ใช่เทพเจ้าแท้จริง
แต่ชนชาติของเราได้เปลี่ยนจากเราซึ่งเป็นบารมีของพวกเขา
    ไปหาเทพเจ้าซึ่งทำสิ่งใดให้พวกเขาไม่ได้เลย”

12 พระผู้เป็นเจ้าประกาศดังนี้ว่า

“โอ ฟ้าสวรรค์เอ๋ย จงตื่นตระหนก
    และหวาดกลัวจนตัวแข็งเกร็งกับเรื่องดังกล่าว
13 ด้วยว่าชนชาติของเราได้กระทำความชั่ว 2 ประการคือ
    พวกเขาได้ทอดทิ้งเราผู้เป็นน้ำพุแห่งชีวิต
และเขาได้ขุดบ่อน้ำให้แก่ตนเอง
    บ่อน้ำที่พังซึ่งเก็บน้ำไม่ได้

14 อิสราเอลเป็นทาสหรือ เป็นผู้รับใช้ที่เป็นทาสโดยกำเนิดหรือ
    แล้วทำไมพวกเขาจึงกลายเป็นเหยื่อที่ถูกล่า
15 สิงโตได้คำรามใส่เขา
    คำรามเสียงดัง
พวกสิงโตทำให้แผ่นดินของเขารกร้าง
    เมืองของเขาถูกเผาและไม่มีผู้ใดอาศัยอยู่
16 ยิ่งกว่านั้น ชาวเมมฟิสและทาปานเหส
    ได้โกนศีรษะของพวกเจ้า
17 เจ้าเป็นเหตุให้เกิดเหตุการณ์นี้กับตัวเจ้าเอง
    เพราะการทอดทิ้งพระผู้เป็นเจ้า พระเจ้าของเจ้า
    ครั้งที่พระองค์นำพวกเจ้าไปมิใช่หรือ
18 และบัดนี้เจ้าจะได้ประโยชน์อะไรที่ไปยังประเทศอียิปต์
    เพื่อไปดื่มน้ำจากแม่น้ำไนล์หรือ
หรือเจ้าจะได้ประโยชน์อะไรที่ไปยังอัสซีเรีย
    เพื่อไปดื่มน้ำจากแม่น้ำยูเฟรติสหรือ
19 ความชั่วร้ายของเจ้าจะลงโทษเจ้าเอง
    และเจ้าจะได้รับบทเรียนเมื่อเจ้าหันเหไปจากเรา
จงรับรู้ไว้ว่า สิ่งเลวร้ายและขมขื่นจะเกิดแก่เจ้า
    ที่ทอดทิ้งพระผู้เป็นเจ้า พระเจ้าของเจ้า
ความเกรงกลัวที่มีต่อเราไม่ได้อยู่ในตัวเจ้าเลย”
    พระผู้เป็นเจ้าจอมโยธาผู้ยิ่งใหญ่ประกาศดังนั้น

20 “ด้วยว่า นานมาแล้วที่เจ้าหักแอกของเจ้า
    และตัดสิ่งที่ผูกเจ้าให้หลุดออกไป
    และเจ้าพูดว่า ‘เราจะไม่รับใช้’
แต่แล้วเจ้าก็ก้มกราบลงอย่างหญิงแพศยาคนหนึ่ง
    บนเนินเขาสูงทุกลูก
    และใต้ต้นไม้อันเขียวชอุ่มทุกต้น
21 เราปลูกเจ้าให้เป็นดั่งเถาพันธุ์เยี่ยม
    เป็นเมล็ดบริสุทธิ์แท้
แล้วเจ้ากลับเน่า
    และได้กลายเป็นเถาที่ไร้ค่า
22 แม้ว่าเจ้าจะชำระล้างตัวเจ้าด้วยน้ำด่าง
    และใช้สบู่มาก
    แต่ความชั่วที่เป็นรอยเปื้อนของเจ้าก็ยังอยู่เบื้องหน้าเรา”
    พระผู้เป็นเจ้าผู้ยิ่งใหญ่ประกาศดังนั้น
23 “เจ้าพูดได้อย่างไรว่า ‘ข้าพเจ้าไม่มีมลทิน
    ข้าพเจ้าไม่ได้นมัสการเทพเจ้าบาอัล’
ดูวิถีทางของเจ้าในหุบเขาสิ
    เจ้ารู้ว่าเจ้าได้ทำอะไรไปบ้าง
เหมือนกับอูฐสาวที่วิ่งไปวิ่งมา
24     ลาป่าเคยชินกับถิ่นทุรกันดาร
ลาตัวเมียสูดตามกลิ่นในสายลมเพื่อหาคู่ของมัน
    ใครจะรั้งความต้องการของมันได้ล่ะ
ไม่มีลาผู้ตัวใดที่จำเป็นจะต้องเหนื่อยจากการมองหาลาตัวเมียเลย
    เมื่อถึงเวลาหาคู่ ลาผู้ก็จะหามันพบ
25 อย่าวิ่งไปมาจนเท้าของเจ้าเจ็บ
    หรือทำให้คอของเจ้าแห้ง
แต่เจ้าพูดว่า ‘ไม่เกิดประโยชน์เลย
    เพราะข้าพเจ้าหลงรักเทพเจ้าต่างชาติ
    และข้าพเจ้าจะติดตามต่อไป’

26 ขโมยที่อับอายเมื่อถูกจับได้เป็นอย่างไร
    พงศ์พันธุ์อิสราเอลก็จะอับอายอย่างนั้น
ทั้งพวกเขา บรรดากษัตริย์ ผู้นำ ปุโรหิต
    และบรรดาผู้เผยคำกล่าวของพวกเขา
27 ซึ่งเป็นบรรดาผู้ที่พูดกับต้นไม้ว่า
    ‘ท่านเป็นบิดาของข้าพเจ้า’
และพูดกับก้อนหินว่า
    ‘ท่านให้กำเนิดแก่เรา’
เพราะพวกเขาหันหลัง
    แทนที่จะหันหน้ามาหาเรา
แต่เมื่อพวกเขามีความลำบากก็พูดว่า
    ‘ขอพระองค์ลุกขึ้นและช่วยพวกเราให้รอดเถิด’
28 แต่พวกเทพเจ้าของเจ้า ที่เจ้าทำขึ้นเองอยู่ไหนล่ะ
    ถ้าเขาช่วยเจ้าให้รอดได้
    เมื่อเจ้ามีความลำบาก ก็ให้พวกเขาลุกขึ้นสิ
เพราะเทพเจ้าของเจ้ามีมาก
    เท่ากับเมืองของเจ้า โอ ยูดาห์เอ๋ย

29 พระผู้เป็นเจ้าประกาศว่า

ทำไมเจ้าจึงบ่นกับเรา
    พวกเจ้าทุกคนได้ล่วงละเมิดต่อเรา
30 เราได้ลงโทษคนของเจ้า
    แต่พวกเขาก็ไม่รับเป็นบทเรียน
เจ้าฆ่าบรรดาผู้เผยคำกล่าวของพระเจ้าด้วยดาบของเจ้าเอง
    เหมือนกับสิงโตที่คอยขม้ำเหยื่อ
31 โอ พวกเจ้าที่อยู่ในยุคนี้เอ๋ย
    จงฟังคำกล่าวของพระผู้เป็นเจ้า
อิสราเอลเห็นว่า เราเป็นเหมือนถิ่นทุรกันดาร
    หรือเป็นแผ่นดินอันมืดทึบอย่างนั้นหรือ
เหตุใดชนชาติของเราจึงพูดว่า ‘พวกเรามีอิสระ
    พวกเราจะไม่มาหาพระองค์อีก’
32 หญิงสาวจะลืมเครื่องประดับของเธอ
    หรือเจ้าสาวจะลืมชุดเจ้าสาวได้อย่างนั้นหรือ
ถึงกระนั้นชนชาติของเรายังได้ลืมเราเสียแล้ว
    เป็นเวลานานแสนนาน

33 เจ้าชำนาญในการเลือกหาคนรักได้อย่างดี
    แม้แต่พวกหญิงชั่วร้าย
    เจ้าก็ยังได้สอนวิถีทางของเจ้าให้แก่พวกเขา
34 เสื้อผ้าของเจ้ามีรอยเปื้อนเลือดของผู้ยากไร้ที่ไร้ความผิด
    เจ้าก็รู้ดีว่า พวกเขาไม่ได้บุกเข้าบ้าน
แต่ถึงกระนั้นก็ตาม
35     เจ้ายังพูดว่า ‘ข้าพเจ้าไม่มีความผิด
    พระองค์ไม่เอาผิดข้าพเจ้า’
ดูเถิด เราจะตัดสินเจ้าที่พูดว่า
    ‘ข้าพเจ้าไม่ได้ทำบาป’
36 เจ้าร่อนไปมา
    เปลี่ยนวิถีทางของเจ้าได้ง่ายอะไรเช่นนี้
อียิปต์จะทำให้เจ้าต้องอับอาย
    เหมือนกับที่อัสซีเรียได้ทำให้เจ้าอับอาย
37 เจ้าจะวางมือไว้บนหัว
    และหันกลับออกมาจากอียิปต์
เพราะพระผู้เป็นเจ้าไม่ยอมรับพวกที่เจ้าไว้วางใจ
    และพวกเขาจะไม่สามารถช่วยอะไรเจ้าได้”