23 จากนั้นที่ประชุมทั้งหมดจึงลุกขึ้น นำพระองค์มาพบปีลาต และฟ้องว่า “เราพบว่าชายผู้นี้ยุยงคนในชาติของเรา เขาคัดค้าน การเสียภาษีให้ซีซาร์และอ้างตัวเป็นพระคริสต์[a]กษัตริย์องค์หนึ่ง”

ดังนั้นปีลาตจึงถามพระเยซูว่า “ท่านเป็นกษัตริย์ของชาวยิวหรือ?”

พระเยซูตรัสว่า “ใช่อย่างที่ท่านว่า”

แล้วปีลาตจึงประกาศแก่พวกหัวหน้าปุโรหิตและฝูงชนว่า “เราไม่พบมูลเหตุใดๆ ว่าชายผู้นี้ทำผิดตามข้อกล่าวหา”

แต่พวกนั้นยืนกรานว่า “เขาใช้คำสอนปลุกปั่นประชาชนทั่วแคว้นยูเดีย[b] เริ่มตั้งแต่กาลิลีตลอดทางมาจนถึงที่นี่”

ปีลาตได้ฟังเช่นนั้นจึงถามว่าชายผู้นี้เป็นชาวกาลิลีหรือ เมื่อทราบว่าพระเยซูเป็นคนในท้องที่ของเฮโรด เขาจึงส่งพระองค์ไปพบเฮโรด ซึ่งเวลานั้นอยู่ที่กรุงเยรูซาเล็มด้วย

เมื่อเฮโรดเห็นพระเยซูก็ดีใจมาก เพราะอยากเห็นพระองค์มานานแล้ว จากที่ได้ยินมาเฮโรดหวังจะเห็นพระองค์ทำการอัศจรรย์บ้าง เฮโรดซักถามพระองค์หลายประการ แต่พระเยซูไม่ได้ตรัสตอบเลย 10 พวกหัวหน้าปุโรหิตและธรรมาจารย์ยืนอยู่ที่นั่นและฟ้องร้องพระองค์อย่างเอาเป็นเอาตาย 11 จากนั้นเฮโรดกับเหล่าทหารก็เยาะเย้ยดูหมิ่นพระองค์ เอาเสื้อชุดงามสง่ามาให้พระองค์สวม แล้วส่งพระองค์กลับมาหาปีลาต 12 ในวันนั้นเฮโรดกับปีลาตกลายเป็นมิตรกันทั้งที่ก่อนหน้านี้พวกเขาเป็นศัตรูกัน

13 ปีลาตเรียกพวกหัวหน้าปุโรหิต พวกผู้นำ และประชาชนมาพร้อมหน้ากัน 14 แล้วกล่าวกับพวกเขาว่า “ท่านทั้งหลายนำตัวชายผู้นี้มาพบเราในฐานะผู้ยุยงประชาชนให้กบฏ เราได้ไต่สวนต่อหน้าพวกท่านแล้ว และไม่พบมูลเหตุใดๆ ว่าชายผู้นี้ผิดตามข้อกล่าวหาของพวกท่าน 15 เฮโรดก็เช่นกัน เพราะเฮโรดส่งเขากลับมาหาเราดังที่ท่านเห็นอยู่ เขาไม่ได้ทำอะไรที่สมควรรับโทษถึงตาย 16 ฉะนั้น เราจะลงโทษเขาและปล่อยเขาไป”[c]

18 พวกนั้นร้องเป็นเสียงเดียวกันว่า “กำจัดคนนี้เสีย! ปล่อยบารับบัสให้เรา!” 19 (บารับบัสถูกจับเข้าคุก ข้อหาก่อการจลาจลในกรุงเยรูซาเล็มและฆ่าคน)

20 ปีลาตอยากปล่อยพระเยซูจึงพูดโน้มน้าวพวกเขาอีก 21 แต่พวกนั้นเฝ้าร้องตะโกนว่า “ตรึงเขาที่ไม้กางเขน! ตรึงเขาที่ไม้กางเขน!”

22 ปีลาตกล่าวกับพวกเขาเป็นครั้งที่สามว่า “ทำไม? เขาทำผิดอะไร? เราไม่พบว่าเขาทำผิดอะไรที่สมควรมีโทษถึงตาย ฉะนั้นเราจะลงโทษและปล่อยเขา”

23 แต่พวกเขายังยืนกราน ตะโกนเรียกร้องเสียงดังให้ตรึงพระองค์ที่ไม้กางเขน และเสียงตะโกนของพวกเขาชนะ 24 ดังนั้นปีลาตจึงตัดสินใจที่จะทำตามข้อเรียกร้องของพวกเขา 25 เขาปล่อยคนที่พวกเขาขอ คือนักโทษที่ก่อการกบฏและฆ่าคน แล้วมอบพระเยซูให้พวกเขาไปจัดการตามใจชอบ

การตรึงที่ไม้กางเขน(A)

26 ขณะพวกเขานำพระเยซูออกไป เขาเกณฑ์ซีโมนจากไซรีนที่เดินทางมาจากชนบทให้แบกไม้กางเขนตามหลังพระเยซู 27 ผู้คนมากมายติดตามพระองค์มา รวมทั้งพวกผู้หญิงซึ่งร้องไห้คร่ำครวญเสียงดังเพราะพระองค์ 28 พระเยซูทรงหันมาตรัสกับพวกผู้หญิงนั้นว่า “ธิดาแห่งเยรูซาเล็มเอ๋ย อย่าร้องไห้เพื่อเราเลย จงร้องไห้เพื่อตนเองและเพื่อลูกๆ ของตนเถิด 29 เพราะวาระนั้นจะมาถึงเมื่อพวกท่านจะกล่าวว่า ‘ความสุขมีแก่หญิงผู้เป็นหมัน แก่ครรภ์ที่ไม่ได้คลอด และอกที่ไม่ได้ให้นมลูก!’ 30 เมื่อนั้น

“ ‘เขาจะกล่าวแก่ภูเขาทั้งหลายว่า
“ล้มมาทับเราเถิด!”
และบอกเนินเขาทั้งหลายว่า “ปกคลุมเราไว้เถิด!” ’[d]

31 เพราะถ้าเขายังทำอย่างนี้กับต้นไม้เขียวสด อะไรจะเกิดขึ้นเมื่อไม้แห้งเล่า?”

32 มีอาชญากรอีกสองคนถูกนำตัวมาประหารพร้อมกับพระองค์ 33 เมื่อมาถึงที่ซึ่งเรียกว่า หัวกะโหลก เขาก็ตรึงพระองค์ไว้ที่ไม้กางเขนพร้อมกับอาชญากรสองคน คนหนึ่งอยู่ข้างซ้าย อีกคนหนึ่งอยู่ข้างขวาของพระองค์ 34 พระเยซูตรัสว่า “พระบิดา ขอทรงยกโทษให้พวกเขา เพราะพวกเขาไม่รู้ว่ากำลังทำอะไร”[e] และพวกเขาเอาฉลองพระองค์มาจับฉลากแบ่งกัน

35 ประชาชนพากันยืนดูและพวกผู้นำพูดถากถางพระองค์ว่า “เขาช่วยคนอื่นให้รอดได้ ถ้าเขาเป็นพระคริสต์ของพระเจ้า เป็นผู้ที่ทรงเลือกสรรไว้ก็ให้เขาช่วยตนเองให้รอดเถิด”

36 พวกทหารก็มาเยาะเย้ยพระองค์ด้วย พวกเขาเอาเหล้าองุ่นเปรี้ยวส่งให้พระองค์ 37 แล้วพูดว่า “ถ้าท่านเป็นกษัตริย์ของชาวยิวก็จงช่วยตนเองให้รอดเถิด”

38 เหนือพระองค์มีป้ายเขียนติดไว้ว่า “นี่คือกษัตริย์ของชาวยิว”

39 อาชญากรคนหนึ่งที่ถูกตรึงอยู่ที่นั่นพูดสบประมาทพระองค์ว่า “เจ้าเป็นพระคริสต์ไม่ใช่หรือ? จงช่วยตนเองกับเราให้รอด!”

40 แต่อีกคนตำหนิเขาว่า “เจ้าไม่เกรงกลัวพระเจ้าหรือในเมื่อเจ้าเองก็ต้องโทษสถานเดียวกัน? 41 เราถูกลงโทษอย่างยุติธรรมเพราะเราได้รับสิ่งที่สมควรกับการกระทำของเราแล้ว แต่ท่านผู้นี้ไม่ได้ทำอะไรผิด”

42 แล้วเขาทูลว่า “พระเยซูเจ้าข้า ขอทรงระลึกถึงข้าพระองค์ เมื่อพระองค์ทรงเข้าสู่ราชอาณาจักรของพระองค์”[f]

43 พระเยซูตรัสตอบเขาว่า “เราบอกความจริงแก่ท่านว่า วันนี้ท่านจะอยู่กับเราในเมืองบรมสุขเกษม”

การสิ้นพระชนม์ของพระเยซู(B)

44 เวลานั้นประมาณเที่ยงวัน เกิดมืดมัวไปทั่วแผ่นดินจนถึงบ่ายสามโมง 45 เพราะดวงอาทิตย์หยุดส่องแสงและม่านในพระวิหารขาดเป็นสองท่อน 46 พระเยซูทรงร้องเสียงดังว่า “พระบิดา ข้าพระองค์ขอมอบจิตวิญญาณของข้าพระองค์ไว้ในพระหัตถ์ของพระองค์” ตรัสดังนี้แล้วก็สิ้นพระชนม์

47 นายร้อยได้เห็นเหตุการณ์ก็สรรเสริญพระเจ้าและกล่าวว่า “แน่ทีเดียว ท่านผู้นี้เป็นผู้ชอบธรรม” 48 เมื่อคนทั้งปวงที่มาชุมนุมกันเพื่อเป็นพยานในเหตุการณ์นี้เห็นสิ่งที่เกิดขึ้น ก็ทุบตีอกด้วยความเสียใจและจากไป 49 แต่คนทั้งปวงที่รู้จักพระองค์ รวมทั้งพวกผู้หญิงที่ติดตามพระองค์มาจากกาลิลี ยืนเฝ้าดูสิ่งเหล่านี้อยู่ห่างๆ

การฝังพระศพพระเยซู(C)

50 มีชายคนหนึ่งชื่อโยเซฟ เป็นสมาชิกสภา เขาเป็นคนดีและเที่ยงธรรม 51 ซึ่งไม่เห็นด้วยกับมติและการกระทำของคนเหล่านั้น เขามาจากอาริมาเธียแคว้นยูเดีย และเขากำลังรอคอยอาณาจักรของพระเจ้า 52 โยเซฟไปพบปีลาตเพื่อขอพระศพของพระเยซู 53 จากนั้นเขาเชิญพระศพลงมา เอาผ้าลินินพัน และวางพระศพไว้ในอุโมงค์ซึ่งสกัดไว้ในศิลา และอุโมงค์ฝังศพนี้ยังไม่เคยวางศพของใครเลย 54 วันนั้นเป็นวันเตรียม และวันสะบาโตกำลังจะเริ่มขึ้น

55 พวกผู้หญิงจากกาลิลีที่มากับพระเยซูตามโยเซฟมาและได้เห็นอุโมงค์ ตลอดจนได้เห็นว่าเขาวางพระศพไว้ในอุโมงค์อย่างไร 56 จากนั้นพวกเขาก็กลับบ้านไปเตรียมเครื่องหอมกับน้ำมันหอม แต่พวกเขาหยุดพักในวันสะบาโตอันเป็นการปฏิบัติตามบทบัญญัติ

Footnotes

  1. 23:2 หรือพระเมสสิยาห์เช่นเดียวกับข้อ 35 และ 39
  2. 23:5 หรือทั่วดินแดนของชาวยิว
  3. 23:16 สำเนาต้นฉบับบางสำเนาว่าปล่อยเขาไป 17 ตามธรรมเนียมปีลาตต้องปล่อยคนหนึ่งให้พวกเขาในเทศกาลนั้น
  4. 23:30 ฮชย. 10:8
  5. 23:34 สำเนาต้นฉบับเก่าแก่บางสำเนาไม่มีประโยคนี้
  6. 23:42 สำเนาต้นฉบับบางสำเนาว่าเมื่อเสด็จมาด้วยราชอำนาจของพระองค์

23 ที่ประชุมทั้งหมดจึงลุกขึ้นแล้วนำพระองค์ไปหาปีลาต เขาเหล่านั้นเริ่มกล่าวหาพระองค์ว่า “พวกเราเห็นว่าชายผู้นี้เป็นผู้นำชาติของเราไปในทางที่ผิด เขาฝ่าฝืนการจ่ายภาษีให้แก่ซีซาร์และก็อ้างว่าเป็นพระคริสต์ กษัตริย์ผู้หนึ่ง” ดังนั้นปีลาตถามพระองค์ว่า “ท่านเป็นกษัตริย์ของชาวยิวหรือ” พระองค์กล่าวตอบว่า “เป็นตามที่ท่านพูด” แล้วปีลาตประกาศต่อพวกมหาปุโรหิตและปวงชนว่า “เราเห็นว่าชายผู้นี้ไม่มีความผิด” แต่เขาทั้งหลายยืนกรานว่า “เขาทำให้ผู้คนทั่วแคว้นยูเดียปั่นป่วนวุ่นวายเพราะการสอนของเขา เขาเริ่มจากแคว้นกาลิลีและมาตลอดทางจนถึงที่นี่”

เมื่อปีลาตได้ยินเช่นนั้น เขาถามว่าชายผู้นี้เป็นชาวกาลิลีหรือไม่ เมื่อเขารู้ว่าพระเยซูอยู่ในแขวงที่เฮโรดปกครอง จึงได้ส่งพระองค์ไปยังเฮโรดซึ่งอยู่ในเมืองเยรูซาเล็มด้วยในเวลานั้น เมื่อเฮโรดเห็นพระเยซู ก็มีความยินดียิ่งเพราะใคร่จะได้เห็นพระเยซูมานานแล้ว และเท่าที่ได้ยินเรื่องราวของพระองค์มานั้น ท่านหวังจะเห็นการทำสิ่งอัศจรรย์จากพระองค์ จึงซักไซ้ไล่เลียงพระองค์ด้วยคำถามมากมาย แต่ไม่ได้รับคำตอบใดๆ 10 พวกมหาปุโรหิตและอาจารย์ฝ่ายกฎบัญญัติซึ่งยืนอยู่ที่นั่นด้วยก็กล่าวหาพระองค์อย่างรุนแรง 11 เฮโรดและพวกทหารของท่านพากันหัวเราะเยาะและล้อเลียน เขาเอาเสื้อตัวนอกชุดหรูคลุมกายพระองค์ แล้วจึงส่งกลับไปหาปีลาต 12 จากวันนั้นเองเฮโรดและปีลาตก็กลายเป็นเพื่อนกันทั้งๆ ที่ก่อนหน้านี้ทั้งสองเคยเป็นศัตรูกัน

13 ปีลาตได้เรียกมหาปุโรหิตประชุมร่วมกับพวกที่อยู่ในระดับปกครองและประชาชน 14 และประกาศในที่ประชุมว่า “ท่านนำชายผู้นี้มาราวกับว่าเขาเป็นผู้ยุยงประชาชนให้แข็งข้อ เราได้สอบถามเขาต่อหน้าท่านแล้ว และเราเห็นว่าชายผู้นี้ไม่มีความผิดในสิ่งที่ท่านกล่าวหาเขา 15 ทั้งเฮโรดก็เช่นกันจึงได้ส่งเขากลับมา พวกท่านก็เห็นแล้วว่าเขาไม่ได้ทำสิ่งใดอันมีโทษถึงชีวิต 16 ฉะนั้นเราจะลงโทษแล้วจึงปล่อยเขาไป” [17 ปีลาตมีข้อผูกพันที่จะปล่อยชาย 1 คนให้พวกเขาในงานเทศกาล][a]

18 ผู้คนร้องขึ้นเป็นเสียงเดียวว่า “กำจัดคนนี้เสีย ปล่อยบารับบัสให้พวกเราเถิด” 19 บารับบัสถูกโยนเข้าคุกก็เพราะการกบฏในเมืองและการฆาตกรรม 20 ปีลาตต้องการจะปล่อยพระเยซูจึงได้กล่าวแย้งขึ้นอีก 21 แต่ฝูงชนยังตะโกนอยู่อีกว่า “ตรึงเขาเสีย ตรึงเขาเสีย”[b] 22 ปีลาตได้พูดอีกเป็นครั้งที่สามว่า “ทำไมเล่า เขาทำอะไรชั่วร้ายหรือ เราไม่เห็นว่าเขาผิดจนต้องรับโทษถึงตาย ฉะนั้นเราจะให้เขารับโทษแล้วก็ปล่อยไป” 23 แต่ผู้คนยิ่งส่งเสียงดังรบเร้าให้ตรึงพระเยซูบนไม้กางเขน แล้วเสียงตะโกนของพวกเขาก็สำเร็จผล 24 ในที่สุดปีลาตก็กระทำตามมติมหาชน 25 โดยปล่อยคนที่เคยติดคุกกรณีกบฏและฆาตกรรมตามคำเรียกร้อง และมอบพระเยซูให้แก่มหาชนตามความประสงค์ของพวกเขา

ไม้กางเขน

26 ขณะที่พวกเขาพาพระองค์ไปก็ได้คว้าตัวซีโมนชาวไซรีนซึ่งกำลังเดินทางมาจากชนบท และวางไม้กางเขนบนหลังซีโมนเพื่อให้แบกตามพระเยซูไป 27 ไม่เพียงหมู่สตรีซึ่งร้องคร่ำครวญและร้องไห้ฟูมฟายเท่านั้นที่ตามพระองค์ไป แต่ยังมีประชาชนจำนวนมากอีกด้วย 28 พระเยซูหันกลับมาเพื่อกล่าวกับเหล่าสตรีว่า “ลูกหญิงของเมืองเยรูซาเล็มเอ๋ย อย่าร้องไห้เพื่อเราเลย จงร้องไห้เพื่อพวกเจ้าและลูกๆ ของเจ้าเองเถิด 29 ด้วยว่าจะถึงเวลาที่เจ้าจะพูดว่า ‘พวกผู้หญิงที่เป็นหมัน ท้องที่ไม่เคยอุ้ม และอกที่ไม่เคยให้น้ำนมก็เป็นสุข’ 30 แล้ว ‘เขาทั้งหลายจะพูดกับภูเขาว่า ปกคลุมเราเถิด และพูดกับเนินเขาว่า กลิ้งลงมาทับเราเถิด’[c] 31 ถ้าหากว่าคนกระทำสิ่งเหล่านี้เมื่อต้นไม้ยังเขียวชอุ่ม แล้วอะไรจะเกิดขึ้นเมื่อมันแห้งลง”

32 ชายคนร้ายอีก 2 คนถูกนำตัวไปกับพระองค์ด้วยเพื่อประหาร 33 เมื่อพวกเขามายังสถานที่ที่เรียกว่ากะโหลกศีรษะ ที่นั่นแหละที่พวกเขาตรึงพระเยซูร่วมกับคนร้าย คนหนึ่งทางด้านขวา และคนหนึ่งทางด้านซ้ายของพระองค์ 34 พระเยซูกล่าวว่า “พระบิดา ช่วยยกโทษให้แก่พวกเขาด้วยเถิด เพราะเขาต่างไม่ทราบว่าตนกำลังทำอะไรอยู่” และพวกเขาจับฉลากเพื่อแบ่งปันเสื้อตัวนอกของพระองค์ 35 ประชาชนต่างยืนดู และแม้แต่พวกที่อยู่ในระดับปกครองยังพูดดูหมิ่นพระองค์ว่า “เขาช่วยคนอื่นให้รอดชีวิตได้ ถ้าหากว่าเขาเป็นพระคริสต์ของพระเจ้า ผู้ที่พระเจ้าได้เลือกละก็ ให้เขาช่วยตัวเองให้รอดสิ” 36 พวกทหารก็ล้อเลียนพระองค์แล้วเอาเหล้าองุ่นเปรี้ยวมาให้ 37 เขาพูดว่า “ถ้าท่านเป็นกษัตริย์ของชาวยิว ก็ช่วยตัวเองให้รอดสิ”

38 เหนือร่างของพระองค์มีข้อความจารึกไว้ว่า

“นี่คือกษัตริย์ของชาวยิว”

39 ผู้ร้ายคนหนึ่งซึ่งถูกตรึงอยู่ที่นั่นได้กล่าววาจาดูหมิ่นพระองค์ว่า “ท่านไม่ใช่พระคริสต์หรอกหรือ ช่วยตัวท่านเองแล้วช่วยเราให้รอดด้วยสิ” 40 คนร้ายอีกคนห้ามเขาว่า “เจ้าไม่เกรงกลัวพระเจ้าหรือ ในเมื่อเจ้าก็ถูกโทษเช่นเดียวกัน 41 เราถูกลงโทษอย่างยุติธรรม เพราะว่าเราสมควรจะได้รับโทษตามสิ่งที่เราทำไป แต่ท่านผู้นี้ไม่ได้ทำผิดแต่อย่างใดเลย” 42 แล้วเขาพูดว่า “พระเยซู เวลาพระองค์เข้าสู่อาณาจักรของพระองค์ โปรดระลึกถึงข้าพเจ้าด้วยเถิด” 43 พระเยซูตอบเขาว่า “เราขอบอกความจริงกับเจ้าว่า วันนี้เจ้าจะไปอยู่กับเราในสวนสวรรค์”

พระเยซูสิ้นชีวิต

44 ขณะนั้นเป็นเวลาประมาณเที่ยงวัน แต่ความมืดปกคลุมไปทั่วแผ่นดินจนถึงบ่าย 3 โมง 45 ดวงอาทิตย์หยุดส่องแสง ผ้าม่านในพระวิหารขาดออกเป็น 2 ท่อน 46 พระเยซูร้องเสียงดังว่า “พระบิดา ข้าพเจ้าขอฝากวิญญาณของข้าพเจ้าไว้ในมือของพระองค์ด้วย” พระองค์กล่าวจบพร้อมกับหายใจเฮือกสุดท้าย 47 นายร้อยเห็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นก็สรรเสริญพระเจ้าและพูดว่า “จริงทีเดียว ชายผู้นี้เป็นผู้มีความชอบธรรม” 48 คนทั้งปวงได้ชุมนุมกันเพื่อจะดูเหตุการณ์ เมื่อเห็นว่าเกิดอะไรขึ้น จึงได้ตีอกชกตัวแล้วก็จากไป 49 คนทั้งปวงที่รู้จักพระองค์ รวมทั้งพวกผู้หญิงซึ่งได้ติดตามพระองค์ไปจากแคว้นกาลิลีก็ยืนอยู่ห่างๆ เฝ้าดูเหตุการณ์เหล่านั้น

โยเซฟนำร่างของพระเยซูไปเก็บไว้

50 มีชายผู้หนึ่งชื่อโยเซฟซึ่งเป็นสมาชิกในศาสนสภา เป็นคนดีและมีความชอบธรรม 51 โยเซฟไม่เห็นด้วยกับการตัดสินและการกระทำของเขาเหล่านั้น เขาเป็นชาวเมืองอาริมาเธียซึ่งเป็นเมืองของชาวยิว และกำลังรอคอยอาณาจักรของพระเจ้า 52 เขาไปหาปีลาตเพื่อขอร่างของพระเยซู 53 เขาวางร่างลงแล้วพันหุ้มด้วยผ้าป่าน ใส่ในถ้ำเก็บศพซึ่งเจาะเข้าไปในหินและยังไม่เคยมีร่างอื่นวางไว้มาก่อน 54 วันนั้นเป็นวันจัดเตรียม[d]ซึ่งใกล้วันสะบาโตแล้ว 55 พวกผู้หญิงที่มากับพระเยซูจากแคว้นกาลิลีก็ตามโยเซฟไป และเห็นถ้ำเก็บศพ อีกทั้งเห็นด้วยว่าเขาวางร่างของพระองค์ไว้อย่างไร 56 แล้วเขาเหล่านั้นจึงกลับบ้านไปเพื่อเตรียมเครื่องหอมกับน้ำหอม และจะพักผ่อนในวันสะบาโตตามพระบัญญัติ

Footnotes

  1. 23:17 […] สำเนาโบราณบางฉบับมีข้อความตอนนี้รวมอยู่ด้วย
  2. 23:21 ตรึงบนไม้กางเขน เป็นการตายที่ทารุณและเจ็บปวดที่สุดที่ชาวโรมันรู้จัก ใช้เฉพาะฆาตกรรายเหี้ยมที่สุด และตามกฎแล้วประชาชนชาวโรมันเองไม่ต้องถูกตรึงบนไม้กางเขน
  3. 23:30 โฮเชยา 10:8
  4. 23:54 วันจัดเตรียม เป็นวันศุกร์ ในเมื่อชาวยิวทำงานในวันสะบาโตไม่ได้ จึงใช้วันศุกร์เป็นวันจัดเตรียมเพื่อฉลองวันสะบาโต และวันสะบาโตเริ่มหลังจากตะวันตกดินของวันศุกร์