ยูดาสตกลงใจจะทรยศพระเยซู(A)

22 บัดนี้ใกล้จะถึงเทศกาลขนมปังไม่ใส่เชื้อที่เรียกว่าปัสกาแล้ว พวกหัวหน้าปุโรหิตกับธรรมาจารย์กำลังหาช่องทางที่จะกำจัดพระเยซูเพราะพวกเขากลัวประชาชน แล้วซาตานเข้าดลใจยูดาสที่เรียกว่าอิสคาริโอท หนึ่งในสาวกสิบสองคน และยูดาสจึงได้ไปพบกับพวกหัวหน้าปุโรหิตและหัวหน้ากองยามพระวิหาร และหารือกันว่าเขาจะมอบพระเยซูให้พวกนั้นได้อย่างไร พวกนั้นดีใจและตกลงจะให้เงินเขา ยูดาสจึงเห็นชอบและจ้องหาโอกาสที่จะมอบพระองค์ให้พวกเขาเมื่อปลอดคน

อาหารเย็นมื้อสุดท้าย(B)

เมื่อถึงวันเทศกาลขนมปังไม่ใส่เชื้อซึ่งจะต้องถวายแกะปัสกา พระเยซูทรงสั่งเปโตรกับยอห์นว่า “จงไปจัดเตรียมปัสกาสำหรับพวกเรา”

พวกเขาทูลถามว่า “พระองค์ทรงประสงค์ให้จัดเตรียมปัสกาถวายที่ไหน?”

10 พระองค์ตรัสตอบว่า “เมื่อท่านเข้าไปในเมือง จะมีชายคนหนึ่งทูนหม้อน้ำมาพบท่าน จงตามคนนั้นไปในบ้านที่เขาเข้าไป 11 และกล่าวแก่เจ้าของบ้านว่า ‘พระอาจารย์ตรัสถามว่าห้องรับรองแขกที่เราจะรับประทานปัสการ่วมกับเหล่าสาวกของเราอยู่ที่ไหน?’ 12 เขาจะให้ดูห้องใหญ่ชั้นบนซึ่งตกแต่งเตรียมไว้เรียบร้อย จงเตรียมปัสกาที่นั่น”

13 ทั้งสองก็ไปและได้พบสิ่งต่างๆ ตามที่พระเยซูตรัสไว้ พวกเขาจึงเตรียมปัสกา

14 เมื่อถึงเวลา พระเยซูกับเหล่าอัครทูตก็นั่งลงรับประทานที่โต๊ะ 15 พระองค์ตรัสกับพวกเขาว่า “เราปรารถนาเป็นอย่างยิ่งที่จะรับประทานปัสกานี้ร่วมกับพวกท่านก่อนที่เราจะทนทุกข์ 16 เพราะเราบอกท่านว่า เราจะไม่รับประทานปัสกานี้อีกจนกว่าปัสกานี้สำเร็จครบถ้วนในอาณาจักรของพระเจ้า”

17 พระองค์ทรงหยิบถ้วย ขอบพระคุณพระเจ้า แล้วตรัสว่า “จงรับถ้วยนี้แบ่งกันดื่ม 18 เพราะเราบอกท่านว่า เราจะไม่ดื่มน้ำจากผลองุ่นอีกจนกว่าอาณาจักรของพระเจ้ามาถึง”

19 และพระองค์ทรงหยิบขนมปัง ขอบพระคุณพระเจ้า แล้วหักส่งให้พวกเขาและตรัสว่า “นี่คือกายของเราซึ่งให้แก่ท่าน จงทำเช่นนี้เป็นการระลึกถึงเรา”

20 หลังจากรับประทานแล้ว พระองค์ทรงหยิบถ้วยและกระทำอย่างเดียวกัน แล้วตรัสว่า “ถ้วยนี้คือพันธสัญญาใหม่ด้วยโลหิตของเราซึ่งหลั่งรินออกเพื่อท่าน 21 แต่มือของผู้ที่จะทรยศเราก็อยู่บนโต๊ะนี้ด้วยกันกับเรา 22 บุตรมนุษย์จะไปตามที่กำหนดไว้ แต่วิบัติแก่ผู้ที่ทรยศต่อบุตรมนุษย์” 23 เหล่าสาวกจึงเริ่มถามกันเองว่าใครในพวกเขาที่จะทำเช่นนั้น

24 ทั้งมีการโต้เถียงกันในหมู่พวกเขาด้วยว่าใครที่นับว่าเป็นใหญ่ที่สุด 25 พระเยซูตรัสกับพวกเขาว่า “กษัตริย์ของคนต่างชาติย่อมเป็นเจ้าเป็นนายเขา และผู้ที่ใช้อำนาจเหนือเขาเรียกตนเองว่าเจ้าบุญนายคุณ 26 แต่พวกท่านไม่ควรเป็นเช่นนั้น ตรงกันข้าม ผู้ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในหมู่พวกท่านควรเป็นเหมือนผู้เยาว์ที่สุด และผู้ที่ปกครองเสมือนเป็นผู้รับใช้ 27 เพราะคนที่นั่งโต๊ะกับคนที่คอยรับใช้ ใครยิ่งใหญ่กว่ากัน? คนที่นั่งโต๊ะไม่ใช่หรือ? แต่เราอยู่ท่ามกลางพวกท่านเหมือนคนรับใช้ 28 พวกท่านคือผู้ที่ยืนอยู่เคียงข้างเราในยามที่เราเผชิญการทดลอง 29 และเรายกอาณาจักรหนึ่งให้แก่ท่าน เหมือนที่พระบิดาทรงยกอาณาจักรหนึ่งให้เรา 30 เพื่อท่านจะร่วมกินและดื่มที่โต๊ะของเราในอาณาจักรของเรา และนั่งบนบัลลังก์ตัดสินชนอิสราเอลสิบสองเผ่า

31 “ซีโมน ซีโมนเอ๋ย ซาตานได้ขอไว้ที่จะฝัดร่อนท่าน[a]เหมือนข้าวสาลี 32 แต่ซีโมนเอ๋ย เราได้อธิษฐานเผื่อท่าน เพื่อความเชื่อของท่านจะไม่ล้มเหลว และเมื่อท่านหันกลับมาแล้ว จงช่วยให้พี่น้องของท่านเข้มแข็งขึ้น”

33 แต่เปโตรทูลตอบว่า “พระองค์เจ้าข้า ข้าพระองค์พร้อมที่จะไปกับพระองค์ ไม่ว่าจะไปติดคุกหรือไปตาย”

34 พระเยซูตรัสตอบว่า “เปโตรเอ๋ย เราบอกท่านว่าวันนี้ก่อนไก่ขัน ท่านจะปฏิเสธว่าไม่รู้จักเราถึงสามครั้ง”

35 จากนั้นพระองค์ตรัสถามพวกเขาว่า “เมื่อครั้งที่เราส่งท่านไปโดยไม่มีถุงเงิน ย่าม หรือรองเท้า ท่านขาดสิ่งใดหรือไม่?”

พวกเขาทูลว่า “ไม่ขาดสิ่งใดเลย”

36 พระองค์ตรัสกับพวกเขาว่า “แต่ตอนนี้ถ้าท่านมีถุงเงิน จงเอาไป พร้อมทั้งย่ามด้วย และถ้าท่านไม่มีดาบ จงขายเสื้อคลุมไปซื้อดาบมา 37 มีคำเขียนไว้ว่า ‘และเขาถูกนับเป็นพวกเดียวกับคนล่วงละเมิด’[b] เราบอกท่านว่าข้อความนี้จะต้องเป็นจริงกับตัวเรา ถูกแล้ว สิ่งที่เขียนไว้เกี่ยวกับเรากำลังจะสำเร็จ”

38 เหล่าสาวกทูลว่า “พระองค์เจ้าข้า ดูเถิด นี่มีดาบสองเล่ม”

พระองค์ตรัสตอบว่า “พอแล้ว”

พระเยซูทรงอธิษฐานบนภูเขามะกอกเทศ(C)

39 พระเยซูเสด็จไปยังภูเขามะกอกเทศเช่นเคยและเหล่าสาวกก็ตามพระองค์ไป 40 เมื่อมาถึงที่นั่นพระองค์ตรัสกับพวกเขาว่า “จงอธิษฐาน เพื่อท่านจะไม่ตกเข้าไปอยู่ในการทดลอง” 41 แล้วทรงเลี่ยงห่างจากเขาออกไปประมาณระยะขว้างหินตก ทรงคุกเข่าลงอธิษฐานว่า 42 “ข้าแต่พระบิดา ถ้าพระองค์พอพระทัย ขอทรงเอาถ้วยนี้ไปจากข้าพระองค์ อย่างไรก็ตามอย่าให้เป็นไปตามใจของข้าพระองค์ แต่ขอให้สำเร็จดังพระประสงค์ของพระองค์” 43 ทูตสวรรค์องค์หนึ่งมาปรากฏ และช่วยให้พระองค์มีกำลังขึ้น 44 พระเยซูทรงเป็นทุกข์ยิ่งนัก พระองค์ทรงอธิษฐานอย่างจริงจังยิ่งขึ้น และเหงื่อเหมือนเลือดหยดลงที่พื้น[c]

45 เมื่อพระองค์ทรงลุกขึ้นจากการอธิษฐานและกลับมาหาพวกสาวก พระองค์ทรงพบว่าพวกเขานอนหลับกันอยู่ ต่างสิ้นแรงเพราะความโศกเศร้า 46 พระองค์ตรัสถามพวกเขาว่า “ทำไมพวกท่านยังหลับอยู่? จงลุกขึ้นอธิษฐานเถิด เพื่อท่านจะไม่ตกอยู่ในการทดลอง”

พระเยซูทรงถูกจับกุม(D)

47 พระองค์ตรัสยังไม่ทันขาดคำ มีฝูงชนกลุ่มหนึ่งเข้ามา นำโดยยูดาสหนึ่งในสาวกสิบสองคน ยูดาสเข้ามาใกล้พระเยซูเพื่อจูบพระองค์ 48 แต่พระเยซูตรัสถามเขาว่า “ยูดาส ท่านกำลังจะทรยศบุตรมนุษย์ด้วยการจูบหรือ?”

49 เมื่อบรรดาผู้ติดตามพระเยซูเห็นว่าจะเกิดอะไรขึ้น จึงทูลว่า “พระองค์เจ้าข้า เราเอาดาบฟันเลยดีไหม?” 50 แล้วสาวกคนหนึ่งฟันหูขวาของคนรับใช้ของมหาปุโรหิตขาด

51 แต่พระเยซูตรัสตอบว่า “พอแล้ว!” และทรงแตะต้องหูของคนนั้นและทรงรักษาเขาให้หาย

52 แล้วพระเยซูตรัสกับพวกหัวหน้าปุโรหิต เจ้าหน้าที่ดูแลพระวิหาร และพวกผู้อาวุโสที่มานั้นว่า “เราก่อการกบฏหรือท่านถึงได้ถือดาบถือกระบองมา? 53 เราอยู่กับพวกท่านในลานพระวิหารทุกวันและท่านก็ไม่ได้จับกุมเรา แต่นี่เป็นเวลาของท่าน คือเมื่อความมืดครองอำนาจ”

เปโตรปฏิเสธพระเยซู(E)

54 พวกเขาจับพระเยซูแล้วคุมตัวมาที่บ้านของมหาปุโรหิต เปโตรตามมาห่างๆ 55 แต่เมื่อเขาก่อไฟที่กลางลานบ้านและนั่งลงด้วยกัน เปโตรก็นั่งกับพวกเขา 56 สาวใช้คนหนึ่งเห็นเปโตรนั่งอยู่ในแสงไฟก็จ้องมองเขาและพูดว่า “ชายคนนี้ก็อยู่กับเขาด้วย”

57 แต่เปโตรปฏิเสธว่า “หญิงเอ๋ย ข้าไม่รู้จักเขา”

58 สักครู่หนึ่ง มีอีกคนเห็นเปโตรก็พูดว่า “เจ้าก็เป็นคนหนึ่งในพวกนั้นด้วย”

เปโตรปฏิเสธว่า “ท่านเอ๋ย ข้าไม่ได้เป็น!”

59 ประมาณอีกชั่วโมงหนึ่ง มีอีกคนยืนยันว่า “คนนี้อยู่กับเขาแน่ๆ เพราะเป็นชาวกาลิลี”

60 เปโตรตอบว่า “ท่านเอ๋ย ข้าไม่รู้ว่าท่านกำลังพูดอะไร!” เปโตรพูดยังไม่ทันขาดคำไก่ก็ขัน 61 องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงหันมามองตรงไปที่เปโตร เขาจึงนึกถึงคำที่องค์พระผู้เป็นเจ้าได้ตรัสกับเขาไว้ว่า “วันนี้ก่อนไก่ขัน ท่านจะปฏิเสธเราสามครั้ง” 62 เขาจึงออกไปข้างนอกและร้องไห้อย่างขมขื่น

ยามพระวิหารเยาะเย้ยพระเยซู(F)

63 บรรดาผู้ที่คุมตัวพระเยซูเริ่มเยาะเย้ยและทุบตีพระองค์ 64 พวกเขาเอาผ้าปิดพระเนตรและว่า “ทำนายสิ! ใครตีเจ้า?” 65 และพวกเขาพูดลบหลู่พระองค์ต่างๆ นานา

พระเยซูต่อหน้าปีลาตและเฮโรด(G)

66 พอรุ่งเช้าสภาของเหล่าผู้อาวุโสในหมู่ประชาชนรวมทั้งพวกหัวหน้าปุโรหิตและพวกธรรมาจารย์มาประชุมกัน พระเยซูถูกนำตัวมาต่อหน้าที่ประชุม 67 พวกเขาพูดว่า “ถ้าท่านคือพระคริสต์[d] ก็จงบอกเรามา”

พระเยซูตรัสตอบว่า “ถ้าเราบอกท่าน ท่านก็จะไม่เชื่อเรา 68 และถ้าเราถามท่าน ท่านก็จะไม่ตอบ 69 แต่นับจากนี้ไป บุตรมนุษย์จะนั่งอยู่เบื้องขวาพระหัตถ์ของพระเจ้าผู้ทรงฤทธิ์”

70 แล้วทั้งสภาก็ถามว่า “ถ้าเช่นนั้น ท่านคือบุตรของพระเจ้าหรือ?”

พระองค์ตรัสว่า “ท่านพูดถูกแล้วว่าเราเป็น”

71 แล้วพวกเขาจึงว่า “เราจะต้องการพยานอื่นอีกทำไม? เราได้ยินสิ่งนี้จากปากของเขาเองแล้ว”

Footnotes

  1. 22:31 ภาษากรีกว่าพวกท่าน
  2. 22:37 อสย.53:12
  3. 22:44 สำเนาต้นฉบับเก่าแก่บางสำเนาไม่มีข้อ 43 และ 44
  4. 22:67 หรือพระเมสสิยาห์

ยูดาสผู้ทรยศ

22 เมื่อเทศกาลขนมปังไร้เชื้อ[a]ซึ่งเรียกว่าเทศกาลปัสกาใกล้จะถึง บรรดามหาปุโรหิตและอาจารย์ฝ่ายกฎบัญญัติกำลังหาทางกำจัดพระเยซูอย่างลับๆ เพราะกลัวผู้คน

ซาตานก็เข้าไปสิงอยู่ในยูดาสอิสคาริโอทผู้เป็นหนึ่งในอัครทูตทั้งสิบสอง ยูดาสไปหาพวกมหาปุโรหิตและพวกนายทหารประจำพระวิหาร เพื่อปรึกษาดูว่าเขาจะมอบพระองค์ให้แก่พวกเขาได้อย่างไร เขาทั้งหลายยินดีและตกลงให้เงินแก่เขา ยูดาสยินยอม และรอโอกาสที่จะทรยศแล้วมอบพระเยซูให้แก่พวกเขาเมื่อไม่มีผู้คน

วันปัสกากับสาวก

เมื่อถึงเทศกาลขนมปังไร้เชื้อซึ่งมีการสังเวยลูกแกะปัสกา พระเยซูให้เปโตรและยอห์นไปโดยกล่าวว่า “จงไปเตรียมอาหารวันปัสกาให้พวกเรารับประทานกันเถิด” เขาทั้งสองถามว่า “พระองค์ประสงค์จะให้พวกเราเตรียมไว้ที่ไหน” 10 พระองค์ตอบว่า “ขณะที่เจ้าเข้าไปในตัวเมือง จะมีชายคนหนึ่งแบกโถน้ำมาพบเจ้า ถ้าเขาเข้าไปบ้านใดก็จงตามไปบ้านนั้น 11 จงพูดกับเจ้าของบ้านว่า ‘อาจารย์ถามว่า ห้องรับรองที่เราจะรับประทานอาหารวันปัสกากับเหล่าสาวกของเราอยู่ที่ไหน’ 12 เขาจะชี้ให้เจ้าเห็นห้องใหญ่ชั้นบนที่ตกแต่งไว้แล้ว จงเตรียมไว้ที่นั่น” 13 เขาทั้งสองก็ไปและพบตามสิ่งที่พระองค์ได้บอกพวกเขาไว้ เขาจึงเตรียมอาหารวันปัสกากัน

14 เมื่อถึงเวลา พระเยซูและอัครทูตของพระองค์ก็เอนกายลงรับประทาน 15 และพระองค์กล่าวกับพวกเขาว่า “เราปรารถนาอย่างยิ่งที่จะรับประทานอาหารวันปัสกาครั้งนี้กับเจ้า ก่อนที่เราจะทนทุกข์ทรมาน 16 เราขอบอกเจ้าว่า เราจะไม่รับประทานปัสกาอีกจนกว่าความหมายของปัสกาจะบรรลุผลในอาณาจักรของพระเจ้า” 17 พระองค์หยิบถ้วย กล่าวขอบคุณพระเจ้าและกล่าวต่อไปว่า “จงเอาถ้วยนี้ไปแบ่งกันดื่ม 18 เราขอบอกเจ้าว่า เราจะไม่ดื่มน้ำจากผลของเถาองุ่นอีกจนกว่าอาณาจักรของพระเจ้าจะมาถึง” 19 ครั้นพระองค์หยิบขนมปังและกล่าวขอบคุณพระเจ้าแล้ว ก็บิเป็นชิ้น ยื่นให้แก่เหล่าสาวก พลางกล่าวว่า “นี่เป็นกายของเราซึ่งมอบไว้เพื่อพวกเจ้า จงปฏิบัติเช่นนี้เพื่อระลึกถึงเรา” 20 ในทำนองเดียวกัน หลังจากอาหารเย็น พระองค์หยิบถ้วยพลางกล่าวว่า “ถ้วยนี้เป็นพันธสัญญาใหม่ในโลหิตของเราซึ่งได้หลั่งเพื่อพวกเจ้า 21 แต่ดูเถิด มือของคนที่กำลังจะทรยศเราอยู่ด้วยกันกับมือของเราบนโต๊ะ 22 เพราะว่าบุตรมนุษย์ก้าวไปสู่ทางที่ได้กำหนดไว้แล้ว วิบัติจะเกิดกับคนที่ทรยศท่าน” 23 เขาทั้งหลายก็เริ่มถามกันและกันว่าคนใดในพวกเขาเป็นคนที่จะกระทำการนี้

24 เหล่าสาวกได้ถกเถียงกันว่าคนใดในพวกเขาเป็นผู้ยิ่งใหญ่ที่สุด 25 พระเยซูกล่าวว่า “เหล่ากษัตริย์ของบรรดาคนนอกมีสิทธิอำนาจในการปกครองเหนือผู้คน และพวกที่แสดงอำนาจเรียกตนว่าเป็นผู้อุปถัมภ์ 26 แต่ว่าพวกเจ้าไม่ควรเป็นเช่นนั้น ผู้ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในพวกเจ้าควรเป็นอย่างผู้ที่เยาว์ที่สุด และเป็นผู้ที่ปกครองที่มีน้ำใจรับใช้ 27 ใครจะเป็นผู้ที่ยิ่งใหญ่กว่ากัน ผู้ที่เอนกายลงรับประทานหรือผู้ที่รับใช้ มิใช่ผู้ที่เอนกายลงรับประทานหรือ แต่ว่าเราเป็นอย่างผู้รับใช้ในท่ามกลางพวกเจ้า

28 เจ้าเป็นพวกที่ยืนเคียงข้างเราเวลาที่เราเผชิญความลำบาก 29 เรามอบหมายอาณาจักรให้แก่เจ้าดังที่พระบิดาของเราได้มอบหมายให้แก่เรา 30 เพื่อว่าเจ้าจะได้กินและดื่มที่โต๊ะในอาณาจักรของเรา และนั่งบนบัลลังก์ตัดสินความ 12 เผ่าของอิสราเอล

31 ซีโมน ซีโมนเอ๋ย ซาตานได้เรียกร้องที่จะฝัดร่อนพวกเจ้าเหมือนฝัดข้าวสาลี 32 แต่เราได้อธิษฐานให้เจ้า เพื่อว่าความเชื่อจะได้คงอยู่ และเมื่อเจ้ากลับมาแล้ว ก็จงให้กำลังใจพวกพี่น้องเถิด” 33 เปโตรตอบว่า “พระองค์ท่าน ข้าพเจ้าพร้อมที่จะไปทุกแห่งกับพระองค์ไม่ว่าที่คุมขังหรือความตายก็ตาม” 34 พระเยซูตอบว่า “เปโตร เราขอบอกเจ้าว่า ก่อนไก่จะขันในวันนี้ เจ้าจะปฏิเสธ 3 ครั้งว่าเจ้าไม่รู้จักเรา”

35 แล้วพระเยซูถามพวกเขาว่า “เวลาที่เราส่งเจ้าออกไปโดยไม่มีถุงเงิน ย่าม หรือรองเท้า เจ้าขัดสนอะไรบ้างหรือเปล่า” เขาตอบว่า “เปล่าเลย” 36 พระองค์กล่าวกับสาวกว่า “แต่เวลานี้ถ้าเจ้ามีถุงเงินก็เอาไปด้วย ย่ามก็เช่นกัน และถ้าเจ้าไม่มีดาบก็จงขายเสื้อตัวนอกเพื่อเอาไปซื้อดาบ 37 มีบันทึกไว้ว่า ‘พระองค์ถูกนับอยู่ในพวกคนล่วงละเมิด’[b] และเราขอบอกเจ้าว่าสิ่งที่กล่าวไว้จะต้องเป็นไปตามนั้น ใช่แล้ว สิ่งใดที่ได้มีบันทึกไว้เกี่ยวกับเรากำลังจะสำเร็จลุล่วงอย่างบริบูรณ์” 38 พวกสาวกพูดว่า “พระองค์ท่าน นี่แน่ะมีดาบ 2 เล่ม” พระองค์ตอบว่า “นั่นก็พอแล้ว”

พระเยซูอธิษฐานที่ภูเขามะกอก

39 พระเยซูไปยังภูเขามะกอกตามเคย เหล่าสาวกก็ติดตามพระองค์ไปด้วย 40 เมื่อถึงที่นั่นแล้ว พระองค์กล่าวกับเขาทั้งหลายว่า “จงอธิษฐานขอว่า เจ้าจะพ้นจากสิ่งยั่วยุ” 41 พระองค์เดินเลยพวกเขาไปได้ไกลประมาณขว้างก้อนหินตก และคุกเข่าลงอธิษฐาน 42 “พระบิดา ถ้าพระองค์ประสงค์ โปรดเอาถ้วยนี้ไปจากข้าพเจ้าเถิด ถึงกระนั้น ขออย่าให้เป็นไปตามความประสงค์ของข้าพเจ้า แต่ขอให้เป็นไปตามความประสงค์ของพระองค์เถิด” 43 ทูตสวรรค์องค์หนึ่งจากสวรรค์มาปรากฏแก่พระองค์ และช่วยให้มีกำลังใจดีขึ้น 44 พระเยซูปวดร้าวทุกข์ใจยิ่งนัก พระองค์จึงได้ตั้งจิตอธิษฐานมากยิ่งขึ้น เหงื่อของพระองค์เป็นดุจโลหิตหยาดหยดลงดิน 45 เมื่อพระเยซูลุกขึ้นหลังจากที่ได้อธิษฐาน พระองค์ก็เดินมาหาเหล่าสาวก และพบว่าพวกเขากำลังนอนหลับกันด้วยความเศร้า 46 พระองค์ถามว่า “ทำไมพวกเจ้าจึงนอนหลับกัน ลุกขึ้นและอธิษฐานเถิดว่าพวกเจ้าจะไม่ตกอยู่ในสิ่งยั่วยุ”

พระเยซูถูกจับกุม

47 พระองค์ยังกล่าวไม่ทันขาดคำ ก็มีคนกลุ่มหนึ่งเดินมา และยูดาสหนึ่งในสาวกทั้งสิบสองก็กำลังเดินนำหน้ามา เขาเข้ามาใกล้เพื่อจูบแก้มพระองค์ 48 พระเยซูถามเขาว่า “ยูดาสเอ๋ย เจ้ากำลังทรยศบุตรมนุษย์ด้วยการจูบแก้มหรือ” 49 เมื่อพวกที่อยู่ด้วยกันกับพระเยซูเห็นว่าจะเกิดอะไรขึ้นจึงพูดขึ้นว่า “พระองค์ท่าน จะให้พวกเราเอาดาบฟันพวกเขาดีไหม” 50 คนหนึ่งในพวกเขาก็ฟันหูขวาของผู้รับใช้หัวหน้ามหาปุโรหิตขาด 51 แต่พระเยซูตอบว่า “พอเสียทีเถิด” พระองค์แตะหูของชายคนนั้น แล้วรักษาให้หาย 52 แล้วพระเยซูกล่าวกับพวกมหาปุโรหิต นายทหารประจำพระวิหาร และพวกผู้ใหญ่ ซึ่งมาจับกุมพระองค์ว่า “พวกท่านเอาดาบและไม้ตะบองแล้วพากันมาจับกุมเรา เหมือนกับว่าเราเป็นโจรอย่างนั้นหรือ 53 ทุกวันเราเคยอยู่กับท่านในบริเวณพระวิหาร ท่านก็ไม่ได้จับกุมเรา แต่นี่เป็นเวลาของท่านเมื่อความมืดครอบครอง”

เปโตรปฏิเสธว่าไม่รู้จักพระเยซู

54 เขาทั้งหลายจับกุมพระองค์เพื่อนำไปยังบ้านของหัวหน้ามหาปุโรหิต เปโตรก็ได้ติดตามไปอยู่ห่างๆ 55 แต่เมื่อเขาทั้งหลายได้ก่อไฟที่กลางลานบ้านและนั่งลงด้วยกันแล้ว เปโตรก็นั่งกับพวกเขา 56 สาวใช้คนหนึ่งเห็นเปโตรนั่งอยู่ที่นั่น เธอก็อาศัยแสงไฟมองดูเขาอย่างใกล้ชิดและพูดว่า “ชายคนนี้อยู่ด้วยกันกับเยซู” 57 แต่เขาปฏิเสธว่า “หญิงเอ๋ย เราไม่รู้จักท่าน” 58 ไม่นานหลังจากนั้น อีกคนก็เห็นเขาจึงพูดว่า “ท่านเป็นคนหนึ่งในพวกเขาด้วย” เปโตรตอบว่า “ท่านเอ๋ย ไม่ใช่เรา” 59 ประมาณ 1 ชั่วโมงต่อมา อีกคนยืนยันว่า “แน่แล้ว ชายคนนี้อยู่ด้วยกันกับเยซู ด้วยว่าเขาเป็นชาวกาลิลี” 60 เปโตรตอบว่า “ท่านเอ๋ย เราไม่รู้ว่าท่านพูดเรื่องอะไร” ขณะที่เขากำลังพูดอยู่ไก่ก็ขัน 61 พระเยซูเจ้าหันและมองตรงไปยังเปโตร แล้วเปโตรก็นึกถึงคำซึ่งพระเยซูเจ้าได้กล่าวไว้กับเขาว่า “ก่อนไก่จะขันในวันนี้ เจ้าจะปฏิเสธ 3 ครั้งว่าเจ้าไม่รู้จักเรา” 62 เปโตรจึงออกไปข้างนอกแล้วร้องไห้ด้วยความปวดร้าวใจยิ่งนัก

63 ฝ่ายคนที่คุมพระเยซูได้เริ่มเยาะเย้ยและโบยตีพระองค์ 64 เขาเหล่านั้นเอาผ้าปิดตาพระองค์และถามว่า “จงพยากรณ์ซิว่าใครเป็นคนตบตีท่าน” 65 และพวกเขาได้กล่าววาจาดูหมิ่นต่างๆ นานา

ปีลาตและเฮโรดสอบสวนพระเยซู

66 ครั้นรุ่งเช้าคณะผู้ใหญ่ของประชาชน รวมทั้งพวกมหาปุโรหิตและอาจารย์ฝ่ายกฎบัญญัติได้ประชุมร่วมกัน และพระเยซูถูกนำไปยังศาสนสภา[c] 67 เขาพูดว่า “ถ้าท่านเป็นพระคริสต์ ก็จงบอกพวกเราเถิด” พระเยซูตอบว่า “ถ้าเราบอกท่าน ท่านก็จะไม่เชื่อเรา 68 และถ้าเราถามท่าน ท่านก็จะไม่ตอบเรา 69 แต่ว่าตั้งแต่นี้ไปบุตรมนุษย์จะนั่งอยู่ ณ เบื้องขวาของพระเจ้าผู้มีอานุภาพ” 70 เขาทั้งปวงถามกันว่า “ถ้าเช่นนั้นท่านเป็นบุตรของพระเจ้าหรือ” พระองค์ตอบว่า “ท่านพูดถูกต้องแล้วที่ว่าเราเป็น” 71 แล้วเขาทั้งหลายพูดว่า “ทำไมเราจะต้องมีคำยืนยันต่อไปอีก พวกเราได้ยินจากปากของเขาเองแล้ว”

Footnotes

  1. 22:1 อพยพ 12:1-51
  2. 22:37 อิสยาห์ 53:12
  3. 22:66 ศาสนสภา สภานี้เป็นศาลสูงสุดของชาวยิว มีสมาชิก 70 คนซึ่งประกอบด้วยปุโรหิต อาจารย์ฝ่ายกฎบัญญัติ ฟาริสี และสะดูสี