คำอุปมาเรื่องหญิงพรหมจารีสิบคน

25 “ครั้งนั้นอาณาจักรสวรรค์จะเป็นเหมือนหญิงพรหมจารีสิบคนถือตะเกียงออกไปรับเจ้าบ่าว มีคนโง่ห้าคน คนฉลาดห้าคน คนโง่เอาตะเกียงไป แต่ไม่ได้เอาน้ำมันไปด้วย ส่วนคนฉลาดเอาน้ำมันใส่กาถือไปพร้อมตะเกียง เป็นเวลานานกว่าเจ้าบ่าวจะมา ทั้งสิบคนจึงง่วงและหลับไป

“พอเที่ยงคืนก็มีเสียงร้องขึ้นว่า ‘เจ้าบ่าวมาแล้ว! ออกมารับเถิด!’

“แล้วหญิงพรหมจารีทั้งสิบคนจึงตื่นขึ้นแต่งไส้ตะเกียง พวกที่โง่พูดกับพวกที่ฉลาดว่า ‘แบ่งน้ำมันให้เราสักหน่อย ตะเกียงของเราจวนจะดับแล้ว’

“พวกฉลาดตอบว่า ‘ไม่ได้หรอก น้ำมันไม่พอสำหรับทั้งเราและท่าน ไปซื้อจากคนขายน้ำมันเองเถิด’

10 “ขณะกำลังไปซื้ออยู่นั้นเจ้าบ่าวก็มาถึง หญิงพรหมจารีที่พร้อมอยู่ก็ไปงานเลี้ยงพร้อมกับเจ้าบ่าวและประตูก็ปิด

11 “หลังจากนั้นอีกห้าคนก็มาร้องเรียก ‘ท่านเจ้าข้า! ท่านเจ้าข้า! เปิดประตูให้เราด้วย’

12 “แต่เขาตอบว่า ‘เราบอกความจริงแก่เจ้าว่าเราไม่รู้จักเจ้าเลย’

13 “ฉะนั้นจงเฝ้าระวังอยู่เพราะท่านไม่รู้ว่าเป็นวันใดหรือเวลาใด

คำอุปมาเรื่องเงินตะลันต์

14 “และอาณาจักรสวรรค์ยังเปรียบเหมือนชายคนหนึ่งจะออกเดินทาง จึงเรียกคนรับใช้มามอบหมายทรัพย์สินให้ดูแล 15 เขาให้เงินคนหนึ่งห้าตะลันต์[a] คนหนึ่งสองตะลันต์และอีกคนหนึ่งตะลันต์เดียว ตามความสามารถของแต่ละคนแล้วเขาก็ไป 16 คนที่ได้รับห้าตะลันต์นำเงินไปลงทุนทันทีและได้กำไรมาอีกห้าตะลันต์ 17 คนที่รับสองตะลันต์ก็เช่นกันได้กำไรมาอีกสองตะลันต์ 18 ส่วนคนที่ได้รับตะลันต์เดียวไปขุดหลุมเอาเงินของนายซ่อนไว้

19 “อีกนานหลังจากนั้นนายก็กลับมาและสะสางบัญชีกับคนรับใช้ 20 คนที่ได้รับห้าตะลันต์นำอีกห้าตะลันต์มาเรียนว่า ‘นายเจ้าข้า! ท่านให้ไว้ห้าตะลันต์ ดูเถิด ข้าพเจ้าได้กำไรมาอีกห้าตะลันต์’

21 “เจ้านายของเขาตอบว่า ‘ดีมาก เจ้าเป็นบ่าวที่ดีและสัตย์ซื่อ! เจ้าสัตย์ซื่อในของเล็กน้อย เราจะตั้งเจ้าให้ดูแลของมาก มาร่วมยินดีในความสุขกับนายของเจ้าเถิด!’

22 “คนที่ได้รับสองตะลันต์ก็มาเรียนว่า ‘นายเจ้าข้า ท่านให้ไว้สองตะลันต์ ดูเถิด ข้าพเจ้าได้กำไรมาอีกสองตะลันต์’

23 “เจ้านายของเขาตอบว่า ‘ดีมาก เจ้าเป็นบ่าวที่ดีและสัตย์ซื่อ! เจ้าสัตย์ซื่อในของเล็กน้อย เราจะตั้งเจ้าให้ดูแลของมาก มาร่วมยินดีในความสุขกับนายของเจ้าเถิด!’

24 “แล้วคนที่ได้รับตะลันต์เดียวมาเรียนว่า ‘นายเจ้าข้า ข้าพเจ้ารู้ว่าท่านเป็นคนใจแข็งซึ่งเก็บเกี่ยวสิ่งที่ท่านไม่ได้เพาะปลูกและรวบรวมผลที่ท่านไม่ได้หว่าน 25 ข้าพเจ้ากลัวจึงเอาเงินไปซ่อนไว้ในดิน ดูเถิด นี่คือเงินของท่าน’

26 “เจ้านายของเขาตอบว่า ‘ไอ้บ่าวเลวแสนขี้เกียจ! เจ้าก็รู้ว่าเราเก็บเกี่ยวสิ่งที่เราไม่ได้เพาะปลูกและรวบรวมผลที่เราไม่ได้หว่าน 27 เช่นนั้นแล้วก็น่าจะเอาเงินของเราไปฝากธนาคารไว้ เพื่อเวลาที่เรากลับมา เราจะได้เงินคืนพร้อมดอกเบี้ยด้วย

28 “ ‘จงริบเงินหนึ่งตะลันต์นี้ไปให้คนที่มีสิบตะลันต์ 29 เพราะทุกคนที่มีจะได้รับเพิ่มและเขาจะมีเหลือเฟือ ส่วนผู้ที่ไม่มี แม้ที่เขามีอยู่ก็จะถูกริบไปจากเขา 30 โยนไอ้บ่าวไร้ค่าคนนั้นออกไปที่มืดข้างนอกที่ซึ่งจะมีการร่ำไห้และขบเขี้ยวเคี้ยวฟัน’

แกะและแพะ

31 “เมื่อบุตรมนุษย์เสด็จมาด้วยพระเกียรติสิริของพระองค์พร้อมด้วยทูตสวรรค์ทั้งหมด พระองค์จะประทับบนบัลลังก์ของพระองค์ด้วยพระเกียรติสิริแห่งฟ้าสวรรค์ 32 มวลประชาชาติจะมาชุมนุมกันต่อหน้าพระองค์ และพระองค์จะทรงแยกประชากรออกจากกันเหมือนคนเลี้ยงแยกแกะออกจากแพะ 33 แกะนั้นจะทรงให้อยู่เบื้องขวาของพระองค์ ส่วนแพะอยู่เบื้องซ้าย

34 “แล้วองค์ราชันจะตรัสกับบรรดาผู้ที่อยู่เบื้องขวาของพระองค์ว่า ‘ท่านผู้ได้รับพรจากพระบิดาของเรามารับมรดกของท่านเถิด คืออาณาจักรที่เตรียมไว้สำหรับท่านตั้งแต่ทรงสร้างโลก 35 เพราะเมื่อเราหิวท่านก็ให้เรากิน เรากระหายท่านก็ให้เราดื่ม เราเป็นคนแปลกหน้า ท่านก็ต้อนรับเราไว้ 36 เราต้องการเครื่องนุ่งห่ม ท่านก็ให้เรา เราเจ็บป่วยท่านก็ดูแล เราอยู่ในคุกท่านก็มาเยี่ยม’

37 “แล้วผู้ชอบธรรมจะทูลพระองค์ว่า ‘พระองค์เจ้าข้า เมื่อใดกันที่ข้าพระองค์เห็นพระองค์ทรงหิวและได้เลี้ยงดูพระองค์ หรือเห็นพระองค์ทรงกระหายและได้ให้พระองค์ทรงดื่ม? 38 เมื่อใดกันที่ข้าพระองค์เห็นพระองค์เป็นคนแปลกหน้าและได้ต้อนรับไว้ หรือถวายฉลองพระองค์เมื่อทรงประสงค์? 39 เมื่อใดกันที่ข้าพระองค์เห็นพระองค์ประชวรหรืออยู่ในคุกและได้ไปเยี่ยมพระองค์?’

40 “องค์ราชันจะตรัสตอบว่า ‘เราบอกความจริงแก่ท่านว่าสิ่งใดที่ท่านทำให้แก่ผู้เล็กน้อยที่สุดคนหนึ่งในพวกพี่น้องของเรา ท่านก็ได้ทำให้เราด้วย’

41 “แล้วพระองค์จะตรัสกับบรรดาผู้ที่อยู่เบื้องซ้ายของพระองค์ว่า ‘จงไปเสียจากเรา เจ้าทั้งหลายผู้ถูกสาปแช่ง จงไปยังไฟนิรันดร์ที่เตรียมไว้สำหรับมารร้ายกับสมุนของมัน 42 เพราะเมื่อเราหิว เจ้าก็ไม่ได้ให้เรากิน เรากระหาย เจ้าก็ไม่ได้ให้เราดื่ม 43 เราเป็นคนแปลกหน้ามา เจ้าก็ไม่ได้ต้อนรับ เราต้องการเครื่องนุ่งห่ม เจ้าก็ไม่ได้ให้ เราเจ็บป่วยและอยู่ในคุก เจ้าก็ไม่ได้ดูแล’

44 “พวกเขาก็ทูลเช่นกันว่า ‘พระองค์เจ้าข้าเมื่อใดกันที่ข้าพระองค์เห็นพระองค์ทรงหิวหรือกระหาย หรือเป็นคนแปลกหน้า หรือต้องการฉลองพระองค์ หรือประชวร หรืออยู่ในคุก แล้วข้าพระองค์ไม่ได้ช่วยเหลือ?’

45 “พระองค์จะตรัสตอบว่า ‘เราบอกความจริงแก่เจ้าว่าสิ่งใดที่เจ้าไม่ได้ทำให้แก่ผู้เล็กน้อยที่สุดคนหนึ่งในคนเหล่านี้ เจ้าก็ไม่ได้ทำให้เราด้วย’

46 “แล้วคนเหล่านี้ก็ต้องออกไปรับโทษนิรันดร์ แต่ผู้ชอบธรรมจะเข้าสู่ชีวิตนิรันดร์”

Footnotes

  1. 25:15 1 ตะลันต์มีค่าเท่ากับค่าแรง 20 ปี

อุปมาเรื่องพรหมจาริณีทั้งสิบ

25 ครั้นแล้ว อาณาจักรแห่งสวรรค์จะเปรียบเสมือนกับพรหมจาริณี 10 คนที่เอาตะเกียงออกไปเพื่อจะพบเจ้าบ่าว มี 5 คนที่โง่เขลา อีก 5 คนชาญฉลาด เมื่อคนโง่เขลาเอาตะเกียงไป พวกเธอไม่ได้เอาน้ำมันไปด้วย ส่วนคนชาญฉลาดเอาน้ำมันใส่โถติดตัวไปกับตะเกียงด้วย ขณะที่เจ้าบ่าวยังล่าช้าอยู่ ทุกคนเกิดง่วงเหงาและหลับไป พอถึงเที่ยงคืนก็มีเสียงตะโกนว่า ‘ดูสิ เจ้าบ่าวไง ออกมาพบเถิด’ ครั้นแล้วพรหมจาริณีทั้งสิบก็ลุกขึ้นเตรียมจุดตะเกียงให้พร้อม คนโง่เขลาพูดกับคนฉลาดว่า ‘แบ่งปันน้ำมันของท่านให้เราบ้าง เพราะตะเกียงของพวกเราจะดับแล้ว’ คนฉลาดตอบว่า ‘ไม่ได้หรอก มีน้ำมันไม่มากพอสำหรับพวกเราและพวกท่านด้วย ไปหาซื้อจากคนขายเอาเองเถิด’ 10 ขณะที่คนโง่เขลาไปซื้อน้ำมัน เจ้าบ่าวก็มา บรรดาคนที่พร้อมแล้วก็เข้าไปในงานเลี้ยงสมรสกับท่าน และประตูก็ปิด 11 ต่อมาเหล่าพรหมจาริณีอีก 5 คนมาถึงและพูดว่า ‘นายท่าน นายท่าน โปรดเปิดประตูให้พวกเราด้วย’ 12 ท่านกล่าวตอบว่า ‘เราขอบอกความจริงกับพวกท่านว่า เราไม่รู้จักท่าน’ 13 ฉะนั้นจงคอยระวังไว้ เพราะเจ้าไม่อาจรู้วันเวลานั้น

อุปมาเรื่องผู้รับใช้ 3 คนกับเงินตะลันต์

14 และยังเปรียบเสมือนชายคนหนึ่งที่ออกเดินทางไป เขาเรียกบรรดาผู้รับใช้มาเพื่อให้ดูแลทรัพย์สมบัติของเขา 15 เขาให้เงินจำนวน 5 ตะลันต์[a]แก่คนหนึ่ง อีกคนได้รับ 2 ตะลันต์ และอีกคนได้ 1 ตะลันต์ แต่ละคนได้รับตามความสามารถของตน แล้วเขาก็เดินทางไป 16 คนที่ได้รับ 5 ตะลันต์ก็เอาเงินนั้นไปทำการค้าทันที จนได้มาอีก 5 ตะลันต์ 17 คนที่ได้รับ 2 ตะลันต์ก็ทำเช่นเดียวกันคือได้มาอีก 2 ตะลันต์ 18 แต่คนที่ได้รับ 1 ตะลันต์ออกไปขุดดินซ่อนเงินของนายเขาไว้ 19 เป็นเวลานานหลังจากนั้น นายของพวกผู้รับใช้เหล่านั้นก็กลับมา และคิดบัญชีกับพวกเขา 20 คนที่ได้รับ 5 ตะลันต์มาหาพร้อมกับนำเงินอีก 5 ตะลันต์มาพูดว่า ‘นายท่าน ท่านให้ข้าพเจ้าดูแล 5 ตะลันต์ ดูสิ ข้าพเจ้าได้เพิ่มอีก 5 ตะลันต์’ 21 นายของเขากล่าวว่า ‘ดีมาก ผู้รับใช้ที่ดีและภักดี เจ้าได้รับการไว้วางใจเพียงไม่กี่สิ่ง เราจะให้เจ้าดูแลอีกหลายสิ่ง เข้ามาร่วมสุขกับนายของเจ้าเถิด’ 22 คนที่ได้รับ 2 ตะลันต์ก็มาหาด้วย และพูดว่า ‘นายท่าน ท่านได้ให้ข้าพเจ้าดูแล 2 ตะลันต์ ดูสิ ข้าพเจ้าได้เพิ่มอีก 2 ตะลันต์’ 23 นายของเขากล่าวว่า ‘ดีมาก ผู้รับใช้ที่ดีและภักดี เจ้าได้รับการไว้วางใจเพียงไม่กี่สิ่ง เราจะให้เจ้าดูแลอีกหลายสิ่ง เข้ามาร่วมสุขกับนายของเจ้าเถิด’ 24 คนที่ได้รับ 1 ตะลันต์ก็มาหาด้วย และพูดว่า ‘นายท่าน ข้าพเจ้าทราบว่าท่านเป็นคนเข้มงวด ท่านเก็บเกี่ยวสิ่งที่ท่านไม่ได้หว่าน และเก็บรวบรวมสิ่งที่ท่านไม่ได้โปรยเมล็ดไว้ 25 ข้าพเจ้าเกรงกลัวจึงเอาเงินตะลันต์ไปซ่อนไว้ใต้ดิน ดูสิ ท่านได้สิ่งที่เป็นของท่านไป’ 26 นายคนนั้นกล่าวตอบเขาว่า ‘เจ้าเป็นผู้รับใช้ที่ชั่วช้า ขี้เกียจ เจ้ารู้ว่าเราเก็บเกี่ยวสิ่งที่เราไม่ได้หว่าน และรวบรวมสิ่งที่เราไม่ได้โปรยเมล็ดไว้ 27 ถ้าเช่นนั้นเจ้าควรฝากเงินของเราไว้ในธนาคาร เมื่อเรากลับมาเราจะได้รับเงินที่ฝากไว้คืนมาพร้อมดอกเบี้ย 28 ฉะนั้นจงเอาเงินตะลันต์จากเขาไปให้แก่คนที่มีอยู่ 10 ตะลันต์’ 29 เพราะทุกคนที่มีอยู่แล้ว ก็จะได้รับมากขึ้น เขาจะมีอย่างอุดมสมบูรณ์ และใครที่ไม่มี แม้แต่สิ่งที่เขามีอยู่ก็จะถูกริบไปจากเขา 30 และจงโยนผู้รับใช้ไร้ประโยชน์ออกไปยังความมืดข้างนอก ณ ที่นั่นจะมีการร่ำไห้และขบเขี้ยวเคี้ยวฟัน

จำแนกแกะออกจากแพะ

31 เมื่อบุตรมนุษย์มาด้วยสง่าราศีพร้อมกับทูตสวรรค์ทั้งหมด แล้วท่านจะนั่งบนบัลลังก์อันสง่างาม 32 ชนทุกชาติจะมาชุมนุมร่วมกันในเบื้องหน้าท่านและท่านจะแยกพวกเขาออกจากกัน ดังเช่นผู้เลี้ยงดูฝูงแกะจำแนกแกะออกจากแพะ 33 ท่านจะจัดให้แกะอยู่ทางขวามือของท่านและแพะอยู่ทางซ้ายมือ 34 แล้วกษัตริย์จะกล่าวกับพวกที่อยู่ทางขวามือว่า ‘พวกเจ้าเป็นบรรดาผู้ที่พระบิดาของเราได้ให้พร มารับเอาอาณาจักรซึ่งเตรียมไว้ให้เจ้าตั้งแต่แรกสร้างโลกเถิด 35 เพราะเมื่อครั้งที่เราหิว เจ้าก็ให้เรารับประทาน เรากระหาย เจ้าก็ให้เราดื่ม เราเป็นคนแปลกหน้าแต่เจ้าก็เชิญเราเข้าไป 36 เราเปลือยกาย เจ้าก็ให้เสื้อผ้าเรานุ่งห่ม เราเจ็บไข้ เจ้าก็ดูแลเรา เราถูกจำคุก เจ้าก็มาหาเรา’ 37 แล้วบรรดาผู้มีความชอบธรรมจะตอบท่านว่า ‘พระผู้เป็นเจ้า เมื่อไรที่พวกเราเห็นพระองค์หิวก็ให้รับประทาน หรือกระหายก็ให้ดื่ม 38 เมื่อไรที่พวกเราเห็นพระองค์เป็นคนแปลกหน้า และเชิญพระองค์เข้าไป หรือเปลือยกายก็ให้นุ่งห่ม 39 เมื่อไรที่พวกเราเห็นพระองค์เจ็บไข้หรือถูกจำคุกและมาเยี่ยมพระองค์’ 40 แล้วกษัตริย์จะกล่าวตอบพวกเขาว่า ‘เราขอบอกความจริงกับเจ้าว่า เท่าที่พวกเจ้าได้กระทำต่อผู้ที่ต่ำต้อยคนใดคนหนึ่งในพวกพี่น้องของเรานี้ ก็เหมือนได้กระทำต่อเราด้วย’

41 ครั้นแล้วท่านจะกล่าวกับพวกคนที่อยู่ทางซ้ายมือของท่านด้วยว่า ‘จงไปให้พ้นหน้าเรา เจ้าพวกที่ถูกสาปแช่ง จงเข้าไปสู่ไฟที่ลุกไหม้ชั่วนิรันดร์ซึ่งได้เตรียมไว้ให้พญามารกับพวกทูตของมัน 42 เพราะเมื่อครั้งที่เราหิว เจ้าไม่ให้อะไรเรารับประทาน เรากระหาย เจ้าไม่ให้อะไรเราดื่ม 43 เราเป็นคนแปลกหน้า เจ้าไม่ได้เชิญเราเข้าไป เราเปลือยกาย เจ้าไม่ได้ให้เสื้อเรานุ่งห่ม เราเจ็บไข้และถูกจำคุก เจ้าก็ไม่ได้ดูดำดูดี’ 44 แล้วพวกเขาจะตอบด้วยว่า ‘พระผู้เป็นเจ้า เมื่อไรที่พวกเราเห็นพระองค์หิวหรือกระหาย หรือเป็นคนแปลกหน้า หรือเปลือยกาย หรือเจ็บไข้ หรือจำคุกและไม่ได้ช่วยดูแลพระองค์’ 45 ครั้นแล้วท่านจะกล่าวตอบพวกเขาว่า ‘เราขอบอกความจริงกับเจ้าว่า เท่าที่พวกเจ้าไม่ได้กระทำต่อผู้ที่ต่ำต้อยคนใดคนหนึ่งในพวกพี่น้องของเรานี้ เจ้าก็ไม่ได้กระทำต่อเรา’ 46 เขาเหล่านี้จะต้องไปรับโทษอันเป็นนิรันดร์ แต่สำหรับพวกที่มีความชอบธรรมจะเข้าสู่ชีวิตอันเป็นนิรันดร์”

Footnotes

  1. 25:15 1 ตะลันต์ เป็นเงินมีค่าประมาณได้เท่ากับค่าแรงทำงานเกินกว่า 15 ปี

เรื่องเพื่อนเจ้าสาวสิบคน

25 ในเวลานั้นอาณาจักรแห่งสวรรค์จะเปรียบเหมือนกับ เพื่อนเจ้าสาวสิบคนที่ถือตะเกียงออกมารอรับเจ้าบ่าว ในพวกเขามีห้าคนเป็นหญิงโง่ และอีกห้าคนเป็นหญิงฉลาด หญิงโง่ห้าคนนั้นเอาตะเกียงไป แต่ไม่ได้เอาน้ำมันสำรองไปด้วย แต่หญิงฉลาดห้าคนนั้นเอาน้ำมันสำรองไปพร้อมกับตะเกียงด้วย เจ้าบ่าวมาช้า หญิงสาวทั้งหมดก็ง่วงและหลับไป

เมื่อถึงเที่ยงคืน ก็มีเสียงร้องเรียกว่า ‘เจ้าบ่าวมาแล้ว ออกมาต้อนรับเร็วเข้า’

เพื่อนเจ้าสาวทั้งหมดตื่นขึ้น และเตรียมตะเกียงของตนให้พร้อม แล้วหญิงโง่ก็พูดกับหญิงฉลาดว่า ‘ขอแบ่งน้ำมันของพวกเธอให้กับพวกเราบ้างสิ ตะเกียงของพวกเราใกล้จะดับอยู่แล้ว’

หญิงฉลาดตอบว่า ‘ไม่ได้หรอก เพราะน้ำมันนี้มีไม่พอสำหรับพวกเราทุกคน พวกเธอไปหาซื้อจากคนขายน้ำมันเอาเองก็แล้วกัน’

10 ขณะที่หญิงโง่ออกไปหาซื้อน้ำมัน เจ้าบ่าวก็มาถึง เพื่อนเจ้าสาวที่พร้อมอยู่แล้วก็เข้าไปในงานแต่งงานกับเจ้าบ่าว แล้วประตูก็ถูกปิดลง

11 ต่อมาเมื่อหญิงโง่ห้าคนนั้นกลับมา ก็ร้องเรียกว่า ‘คุณคะ คุณคะ ช่วยเปิดประตูให้พวกเราหน่อยค่ะ’

12 แต่เจ้าบ่าวตอบว่า ‘จะบอกให้ ผมไม่รู้จักคุณสักหน่อย’

13 ดังนั้นให้พร้อมอยู่เสมอ เพราะพวกคุณไม่รู้ถึงวันเวลาที่เราจะกลับมา

เรื่องทาสสามคน

(ลก. 19:11-27)

14 หรือเราอาจจะเปรียบอาณาจักรนั้นเหมือนกับชายคนหนึ่งที่กำลังจะเดินทางไปต่างประเทศ จึงเรียกพวกทาสมาและฝากทรัพย์สินให้พวกเขาดูแล 15 เขาให้เงินห้าถุงกับทาสคนหนึ่ง ให้เงินสองถุงกับทาสอีกคนหนึ่ง และให้เงินหนึ่งถุง[a] กับทาสคนสุดท้าย โดยได้แบ่งให้ตามความสามารถของแต่ละคน แล้วเขาก็ออกเดินทางไป 16 ทาสที่ได้รับเงินห้าถุง เอาเงินไปค้าขายทันที และได้กำไรมาอีกห้าถุง 17 ทาสที่ได้เงินสองถุง เอาเงินไปค้าขายเหมือนกัน และได้กำไรมาอีกสองถุง 18 แต่ทาสที่ได้เงินหนึ่งถุงได้ขุดหลุมซ่อนเงินของเจ้านายไว้ในพื้นดิน

19 หลังจากเวลาผ่านไปนาน เจ้านายกลับมาและเรียกพวกเขามาถามว่าเอาเงินไปทำอะไรกันบ้าง 20 ทาสที่ได้เงินไปห้าถุงได้นำเงินกำไรอีกห้าถุงมาให้นาย และบอกว่า ‘เจ้านายครับ ท่านให้ผมดูแลเงินห้าถุง และนี่ผมได้กำไรมาอีกห้าถุง’

21 นายจึงพูดกับเขาว่า ‘เยี่ยมมาก เจ้าเป็นทาสที่ดีและซื่อสัตย์ เจ้าได้ซื่อสัตย์ในสิ่งเล็กๆน้อยๆเราจะตั้งให้เจ้าดูแลของจำนวนมาก มาร่วมฉลองกับเรา’

22 แล้วทาสที่ได้รับเงินสองถุงก็มา และพูดว่า ‘เจ้านายครับ ท่านให้ผมดูแลเงินสองถุง ดูสิครับ ผมได้กำไรมาอีกสองถุง’

23 นายพูดกับเขาว่า ‘เจ้าทำดีมาก เจ้าเป็นทาสที่ดีและซื่อสัตย์ เจ้าซื่อสัตย์ในสิ่งเล็กๆน้อยๆ เราจะตั้งให้เจ้าดูแลของจำนวนมาก มาร่วมฉลองกับเรา’

24 แล้วทาสที่ได้รับเงินถุงเดียวก็มา และพูดว่า ‘เจ้านายครับ ผมรู้ว่าท่านเป็นคนที่โหดร้ายทารุณ ท่านเก็บเกี่ยวในที่ดินซึ่งท่านไม่ได้ปลูก และเก็บพืชผลที่ท่านไม่ได้หว่าน 25 ผมกลัวท่าน ก็เลยเอาถุงเงินไปฝังดินซ่อนไว้ นี่ไงถุงเงินของท่าน’

26 นายจึงด่าเขาว่า ‘ไอ้ทาสชาติชั่วจอมขี้เกียจ ในเมื่อเจ้ารู้ว่าข้าเก็บเกี่ยวในที่ดินซึ่งข้าไม่ได้ปลูก และเก็บพืชผลที่ข้าไม่ได้หว่าน 27 ถ้าอย่างนั้น เจ้าก็น่าจะเอาเงินของข้าไปฝากธนาคารไว้ เพื่อว่าเมื่อข้ากลับมา ข้าก็จะได้เงินกลับมาพร้อมทั้งดอกเบี้ยด้วย’

28 แล้วเจ้านายก็บอกให้เอาถุงเงินจากเขาไปให้คนที่มีถุงเงินสิบถุง 29 เพราะคนที่ทำประโยชน์จากสิ่งที่เขามีอยู่ ก็จะได้รับเพิ่มมากขึ้นจนเหลือเฟือ แต่คนที่ไม่ได้ทำประโยชน์จากสิ่งที่เขามีอยู่ ทุกสิ่งที่เขามีจะถูกริบไปจนหมดด้วย 30 จากนั้นเขาก็สั่งให้เอาตัวทาสที่ไร้ประโยชน์นี้โยนออกไปที่มืดข้างนอก ที่นั่นจะมีเสียงร้องไห้โหยหวนด้วยความเจ็บปวด

บุตรมนุษย์จะพิพากษาทุกคน

31 เมื่อบุตรมนุษย์เสด็จมาอย่างสง่างามพร้อมเหล่าทูตสวรรค์ของพระองค์ พระองค์จะนั่งบนบัลลังก์อันยิ่งใหญ่ของพระองค์ 32 คนทุกเชื้อชาติจะมารวมกันต่อหน้าบุตรมนุษย์ พระองค์จะแยกพวกเขาออกจากกัน เหมือนกับคนเลี้ยงแกะที่แยกแกะออกจากแพะ 33 พระองค์จะแยกแกะไว้ทางขวามือ และแยกแพะไว้ทางซ้ายมือ

34 กษัตริย์จะพูดกับพวกที่อยู่ทางขวามือว่า ‘พวกเจ้าที่ได้รับพรจากพระบิดาของเรา มารับอาณาจักรที่ได้เตรียมไว้สำหรับพวกเจ้าตั้งแต่เริ่มสร้างโลก 35 เพราะเมื่อเราหิว พวกเจ้าก็เลี้ยงเรา เรากระหายน้ำ เจ้าก็ให้น้ำเราดื่ม เราเป็นคนแปลกหน้า เจ้าก็ต้อนรับเราเข้าไปในบ้าน 36 เราไม่มีเสื้อผ้าใส่ เจ้าก็หาเสื้อผ้ามาให้ เราไม่สบาย เจ้าก็ดูแล เราติดคุก เจ้าก็มาเยี่ยม’

37 แล้วพวกที่ทำตามใจพระเจ้าจะตอบว่า ‘องค์เจ้าชีวิต พวกเราเคยเห็นท่านหิวและเลี้ยงท่านตั้งแต่เมื่อไหร่ หรือเห็นท่านกระหายน้ำ แล้วให้น้ำท่านดื่มตั้งแต่เมื่อไหร่ 38 แล้วพวกเราเคยเห็นท่านเป็นคนแปลกหน้า แล้วเชิญท่านเข้ามาในบ้าน หรือเห็นท่านไม่มีเสื้อผ้าใส่ แล้วหาเสื้อผ้ามาให้ใส่ตั้งแต่เมื่อไหร่ 39 แล้วพวกเราเห็นท่านป่วย หรืออยู่ในคุก แล้วไปเยี่ยมตั้งแต่เมื่อไหร่หรือครับท่าน’

40 กษัตริย์จะตอบพวกเขาว่า ‘เราจะบอกให้รู้ว่า เมื่อไหร่ก็ตามที่พวกเจ้าทำอะไรให้กับคนที่ต่ำต้อยที่สุดคนหนึ่งในหมู่พี่น้องของเรา เจ้าก็ได้ทำให้กับเราด้วย’

41 แล้วกษัตริย์หันไปตวาดใส่พวกที่อยู่ทางซ้ายมือว่า ‘ไปให้พ้น พวกที่ถูกสาปแช่ง ไปตกในกองไฟที่ไม่มีวันดับ ซึ่งเตรียมไว้สำหรับมารและพวกผู้ช่วยของมัน 42 เพราะเมื่อเราหิว เจ้าก็ไม่ได้ให้อะไรเรากิน เรากระหายน้ำ เจ้าก็ไม่ได้ให้อะไรเราดื่ม 43 เราเป็นคนแปลกหน้า เจ้าก็ไม่ได้เชิญเราเข้าไปในบ้าน เราไม่มีเสื้อผ้าใส่ เจ้าก็ไม่ได้ให้เสื้อผ้าเราใส่ เราไม่สบายและอยู่ในคุก เจ้าก็ไม่เคยมาดูแลเรา’

44 แล้วพวกเขาก็จะตอบว่า ‘องค์เจ้าชีวิต ตอนไหนกันที่พวกเราเห็นท่านหิวหรือกระหายน้ำ หรือเป็นคนแปลกหน้า หรือไม่มีเสื้อผ้าใส่ หรือไม่สบาย หรือติดคุก แล้วพวกเราไม่ได้ช่วยเหลือท่าน’ 45 กษัตริย์จะตอบว่า ‘เราขอบอกให้รู้ว่าอะไรก็ตามที่พวกเจ้าไม่ได้ทำให้กับคนที่ต่ำต้อยที่สุดคนหนึ่งในพวกนี้ เจ้าก็ไม่ได้ทำกับเรา’

46 แล้วพวกเขาก็จะต้องไปรับโทษตลอดไป แต่คนที่ทำตามใจพระเจ้าจะเข้าสู่ชีวิตกับพระเจ้าตลอดไป”

Footnotes

  1. 25:15 เงินหนึ่งถุง หมายถึง เงิน 1 ตะลันต์ ซึ่งเป็นหน่วยชั่ง เท่ากับประมาณ 30 ถึง 40 กิโลกรัม ซึ่งอาจจะเป็นทอง เงิน หรือทองแดง