แซมสันกับเดลิลาห์

16 วันหนึ่งแซมสันไปที่กาซาและพบหญิงโสเภณีคนหนึ่งที่นั่น เขาจึงไปนอนกับนาง เมื่อชาวเมืองกาซาได้ยินว่า “แซมสันอยู่ที่นี่!” พวกเขาจึงล้อมที่แห่งนั้นไว้และซุ่มอยู่ที่ประตูเมืองตลอดคืน พวกเขาคบคิดกันเงียบๆ ว่า “พอฟ้าสาง เราจะฆ่าเขา”

แต่แซมสันนอนอยู่ที่นั่นจนถึงเที่ยงคืน แล้วลุกขึ้นออกไปที่ประตูเมือง ยกประตูเมืองขึ้นมา ดึงเสาประตูทั้งสองข้างพร้อมทั้งดาลประตูหลุดลอยจากพื้น แล้วแบกประตูไปจนถึงยอดเนินเขาที่หันหน้าไปทางเฮโบรน

ต่อมาแซมสันหลงรักสาวคนหนึ่งชื่อเดลิลาห์ ซึ่งอาศัยอยู่ที่หุบเขาโสเรก เหล่าเจ้านายฟีลิสเตียไปพบหญิงนั้นและบอกนางว่า “เจ้าจงล้วงความลับของแซมสันว่ากำลังอันมหาศาลของเขามาจากไหน และทำอย่างไรพวกเราจึงจะสามารถปราบและจับกุมตัวเขาไว้ได้ แล้วพวกเราแต่ละคนจะให้เงินหนัก 1,100 เชเขล[a]แก่เจ้า”

ดังนั้นเดลิลาห์จึงกล่าวกับแซมสันว่า “โปรดบอกความลับที่ทำให้ท่านมีพลังมหาศาลอย่างนี้ ทำอย่างไรจึงจะมัดและคุมตัวท่านไว้ได้”

แซมสันตอบว่า “ถ้าใช้สายธนูที่หนังยังไม่แห้งเจ็ดเส้นมัดตัวข้า ข้าก็จะอ่อนแอเหมือนคนอื่น”

ฉะนั้นเจ้านายฟีลิสเตียจึงเอาสายธนูที่หนังยังไม่แห้งเจ็ดเส้นมาให้เดลิลาห์ นางก็เอาสายธนูมัดแซมสัน เดลิลาห์ให้คนซุ่มอยู่ในอีกห้องหนึ่ง แล้วนางก็ร้องว่า “แซมสัน พวกฟีลิสเตียมาจับท่านแล้ว!” แซมสันก็สะบัดสายธนูขาดอย่างง่ายดายเหมือนเชือกที่ถูกไฟลน ดังนั้นความลับของเขาเรื่องพละกำลังจึงยังไม่ถูกเปิดเผย

10 แล้วเดลิลาห์กล่าวกับแซมสันว่า “ท่านโกหกหลอกลวงฉัน โปรดบอกฉันมาเดี๋ยวนี้ว่าจะจับท่านมัดไว้ได้อย่างไร”

11 แซมสันกล่าวว่า “ถ้าใช้เชือกใหม่ที่ไม่เคยใช้งานมาก่อนมัดข้าอย่างแน่นหนา ข้าก็จะอ่อนแอเหมือนชายอื่น”

12 ฉะนั้นเดลิลาห์จึงเอาเชือกใหม่มามัดเขาไว้ แล้วให้คนซุ่มอยู่ในอีกห้องหนึ่งเหมือนครั้งก่อน เดลิลาห์ร้องว่า “แซมสัน พวกฟีลิสเตียมาจับท่านแล้ว!” แต่แซมสันก็สะบัดเชือกออกจากแขนอย่างง่ายดายเหมือนเส้นด้าย

13 เดลิลาห์กล่าวว่า “จนถึงเดี๋ยวนี้ท่านยังโกหกหลอกลวงฉัน จงบอกมาว่าจะมัดท่านไว้ได้อย่างไร”

แซมสันตอบว่า “หากทอเส้นผมทั้งเจ็ดปอยของข้าเข้าไปในหูกทอผ้า แล้วกระทกด้วยฟืม ข้าก็จะอ่อนแอเหมือนชายอื่น” ฉะนั้นเมื่อแซมสันนอนหลับ เดลิลาห์ก็ทอผมทั้งเจ็ดปอยของเขาเข้าในหูก 14 แล้วกระทกด้วยฟืม

นางร้องบอกเขาอีกครั้งว่า “แซมสัน พวกฟีลิสเตียมาจับท่านแล้ว!” แซมสันก็ลุกขึ้นดึงผมออก ทำให้หูกทอผ้าเสียหาย

15 แล้วเดลิลาห์ตัดพ้อว่า “ท่านพูดได้อย่างไรว่า ‘ข้ารักเจ้า’ ในเมื่อท่านไม่ไว้ใจฉันเลย? ท่านหลอกลวงฉันถึงสามครั้งแล้ว ยังไม่บอกความลับกับฉันเสียทีว่าอะไรทำให้ท่านมีเรี่ยวแรงมากถึงขนาดนี้” 16 นางพิรี้พิไรกับแซมสันทุกวันจนเขาเหนื่อยหน่ายเหลือทน

17 เขาจึงบอกนางทุกอย่างว่า “ข้าไม่เคยตัดผมเลย เพราะข้าเป็นนาศีร์ถวายแด่พระเจ้าตั้งแต่เกิด ถ้าหากโกนผมทิ้ง เรี่ยวแรงกำลังของข้าก็จะหมดไป ข้าจะอ่อนแอเหมือนคนอื่นๆ”

18 เมื่อเดลิลาห์เห็นว่าเขาได้บอกความลับทั้งหมดแก่นางแล้ว จึงส่งข่าวไปถึงเหล่าเจ้านายฟีลิสเตียว่า “โปรดมาอีกสักครั้ง เพราะเขาบอกทุกสิ่งทุกอย่างแก่ฉันแล้ว” ดังนั้นพวกเจ้านายฟีลิสเตียจึงกลับมา พร้อมนำเงินติดตัวมาด้วย 19 เดลิลาห์ให้แซมสันนอนหลับหนุนตักนาง แล้วให้คนมาโกนผมแซมสันหมดทั้งเจ็ดปอย ทำให้เรี่ยวแรงของแซมสันถดถอยลง แล้วกำลังของเขาก็หมดไป

20 แล้วนางร้องว่า “แซมสัน พวกฟีลิสเตียมาจับตัวท่านแล้ว!”

แซมสันก็ตื่นขึ้น และคิดว่า “เราจะสะบัดตัวหลุดรอดไปเหมือนครั้งก่อนๆ” แต่เขาไม่รู้ว่าองค์พระผู้เป็นเจ้าทรงทิ้งเขาไปเสียแล้ว

21 จากนั้นชาวฟีลิสเตียจึงจับตัวแซมสัน ควักตาทั้งสองข้างของเขาออกและนำตัวเขาไปยังกาซา ล่ามเขาด้วยโซ่ทองสัมฤทธิ์และให้โม่ข้าวอยู่ในเรือนจำ 22 แต่ไม่นานผมของแซมสันก็เริ่มยาวอีก

การตายของแซมสัน

23 ฝ่ายเจ้านายชาวฟีลิสเตียชุมนุมกันเพื่อถวายเครื่องบูชาครั้งใหญ่แด่พระดาโกนเทพเจ้าของพวกเขา เพื่อเป็นการเฉลิมฉลองและกล่าวว่า “เทพเจ้าของเรามอบแซมสันศัตรูของเราไว้ในมือของเราแล้ว”

24 เมื่อประชาชนเห็นแซมสัน ก็ร้องสรรเสริญเทพเจ้าของตนว่า

“เทพเจ้าของเรามอบศัตรู
ไว้ในมือของเราแล้ว
คนนี้แหละที่ล้างผลาญแผ่นดินของเรา
และฆ่าพวกเราตายมากมาย”

25 ขณะที่พวกเขากำลังมึนเมา พวกเขาก็ตะโกนขึ้นว่า “เอาตัวแซมสันออกมาสร้างความบันเทิงให้พวกเราเถิด” แซมสันถูกนำตัวออกจากที่คุมขัง แล้วแสดงให้พวกเขาดู

ขณะที่แซมสันถูกนำมายืนอยู่ท่ามกลางหมู่เสา 26 เขาบอกคนรับใช้ที่จูงมือตนมาว่า “พาเราไปตรงที่จะคลำพบเสารองรับวิหาร เพื่อเราจะได้พิงเสา” 27 ขณะนั้นภายในวิหารคลาคล่ำไปด้วยฝูงชนทั้งชายและหญิง เจ้านายฟีลิสเตียทั้งปวงก็อยู่ที่นั่นด้วย และบนดาดฟ้ามีชายหญิงประมาณสามพันคนเฝ้าดูแซมสันแสดงอยู่ 28 แซมสันจึงอธิษฐานต่อองค์พระผู้เป็นเจ้าว่า “ข้าแต่พระยาห์เวห์องค์เจ้าชีวิต ขอทรงระลึกถึงข้าพระองค์ ข้าแต่พระเจ้าโปรดให้พละกำลังแก่ข้าพระองค์อีกครั้งเดียว เพื่อข้าพระองค์จะได้แก้แค้นชาวฟีลิสเตียชดเชยกับที่ต้องสูญเสียดวงตาทั้งสองข้างไป” 29 จากนั้นแซมสันก็ไปที่เสาสองต้นกลางวิหารซึ่งเป็นเสารองรับวิหาร มือขวายันเสาข้างหนึ่ง มือซ้ายยันเสาอีกข้างหนึ่ง แล้วรวบรวมกำลังดันเสา 30 แซมสันกล่าวว่า “เราขอตายพร้อมพวกฟีลิสเตีย!” แล้วเขาก็ดันเสาสุดแรง วิหารพังครืนลงมาทับเจ้านายฟีลิสเตียและประชากรทั้งหมดในนั้น เป็นอันว่าขณะที่แซมสันกำลังจะตาย เขาได้ฆ่าชาวฟีลิสเตียมากยิ่งกว่าตอนที่เขายังมีชีวิตอยู่

31 แล้วญาติพี่น้องและครอบครัวของบิดาแซมสันก็ลงมารับศพของเขากลับไป และฝังไว้ระหว่างโศราห์กับเอชทาโอลในอุโมงค์ฝังศพของมาโนอาห์ บิดาของแซมสัน แซมสันนำ[b]อิสราเอลอยู่ยี่สิบปี

Footnotes

  1. 16:5 1 เชเขล คือเงินหนักประมาณ 11.5 กรัม มีค่าเท่ากับค่าแรงสองเดือน
  2. 16:31 หรือวินิจฉัย

แซมสันกับเดลิลาห์

16 แซมสันไปเมืองกาซา เขาเห็นหญิงแพศยาคนหนึ่ง และเขาก็ไปนอนกับนาง มีคนไปบอกชาวกาซาว่า “แซมสันได้มาที่นี่” พวกเขาจึงล้อมสถานที่ และดักซุ่มรอเขาอยู่ตลอดทั้งคืนที่ประตูเมือง พวกเขารออย่างเงียบๆ ตลอดคืน และพูดว่า “เราควรจะรอจนรุ่งสาง แล้วเราจะฆ่าเขา” แต่แซมสันรอจนถึงเที่ยงคืน เขาลุกขึ้นและไปขยับประตูเมืองรวมทั้งเสา 2 ต้นด้วย แล้วถอนทุกสิ่งรวมทั้งดาลประตูออกจากที่ แบกขึ้นบ่าและหามไปที่ยอดเขาที่อยู่หน้าเมืองเฮโบรน

หลังจากนั้นแซมสันไปรักผู้หญิงคนหนึ่งในหุบเขาที่เมืองโสเรก นางชื่อเดลิลาห์ พวกเจ้านายของชาวฟีลิสเตียมาหานางและพูดว่า “เจ้าจงยั่วยวนเขาให้ลุ่มหลง และดูว่าพลังมหาศาลของเขาอยู่ที่ไหน และเราจะมีพลังเหนือเขาได้ทางใดบ้าง เราจะได้มัดตัวและกำราบเขา พวกเราแต่ละคนจะให้เงินเจ้า 1,100 เหรียญ” เดลิลาห์จึงพูดกับแซมสันว่า “ช่วยบอกฉันเถิดว่าพลังมหาศาลของท่านอยู่ที่ไหน และท่านจะถูกจับและมัดตัวได้อย่างไร ผู้คนจะปราบท่านได้อย่างไร”

แซมสันบอกเธอว่า “ถ้าเขาใช้สายธนูใหม่ที่ยังไม่แห้ง 7 เส้นมัดตัวเรา แล้วเราก็จะอ่อนกำลังเป็นเหมือนชายทั่วๆ ไป” พวกเจ้านายของชาวฟีลิสเตียจึงเอาสายธนูใหม่ที่ยังไม่แห้ง 7 เส้นมาให้นาง นางก็เอามามัดตัวเขา ขณะนั้นนางให้พวกผู้ชายดักซุ่มรออยู่ในห้องชั้นใน นางพูดกับแซมสันว่า “ชาวฟีลิสเตียมีชัยเหนือท่านแล้ว แซมสันเอ๋ย” แต่เขาดึงสายธนูขาด ราวกับป่านที่ขาดเมื่อต้องไฟ ฉะนั้นความลับเรื่องพลังของเขาก็ไม่เป็นที่ประจักษ์

10 เดลิลาห์จึงพูดกับแซมสันว่า “ดูสิ ท่านล้อฉันเล่นและโกหกฉัน ช่วยบอกเถิดว่าท่านจะถูกมัดตัวได้อย่างไร” 11 เขาพูดกับเธอว่า “ถ้าพวกเขาใช้เชือกใหม่ที่ยังไม่เคยใช้มาก่อนมัดตัวเรา แล้วเราก็จะอ่อนกำลังเป็นเหมือนชายทั่วๆ ไป” 12 ดังนั้นเดลิลาห์จึงเอาเชือกใหม่มามัดตัวเขา และพูดว่า “ชาวฟีลิสเตียมีชัยเหนือท่านแล้ว แซมสันเอ๋ย” และพวกผู้ชายดักซุ่มรออยู่ในห้องชั้นใน แต่เขาดึงเชือกหลุดจากแขนประหนึ่งดึงเส้นด้าย

13 แล้วเดลิลาห์พูดกับแซมสันว่า “จนบัดนี้ท่านก็ยังล้อฉันเล่นและโกหกฉันอีก บอกฉันเถิดว่าท่านจะถูกจับและมัดตัวได้อย่างไร” เขาพูดกับนางว่า “ถ้าเจ้าเอาผมของเรา 7 ปอย ถักติดกับผ้าบนกี่ แล้วหมุดไว้ให้แน่น แล้วเราก็จะอ่อนกำลังเป็นเหมือนชายทั่วๆ ไป” 14 ดังนั้นเมื่อเขานอนอยู่ เดลิลาห์เอาผมของเขา 7 ปอย ถักติดกับผ้าบนกี่ แล้วนางก็หมุดไว้ให้แน่น และพูดกับเขาว่า “ชาวฟีลิสเตียมีชัยเหนือท่านแล้ว แซมสันเอ๋ย” แต่เขาตื่นขึ้นและดึงหมุดกี่ และผ้าบนกี่หลุดออก

15 นางจึงพูดกับเขาว่า “ท่านพูดได้อย่างไรว่า ‘เรารักเจ้า’ เมื่อใจของท่านไม่อยู่กับฉันเลย ท่านล้อฉันเล่นแล้ว 3 ครั้ง และท่านยังไม่ได้บอกฉันว่าพลังมหาศาลของท่านอยู่ที่ไหน” 16 เมื่อนางพูดคาดคั้นแซมสันวันแล้ววันเล่า และนางรบเร้าจนแซมสันรำคาญใจจนเหลือทน 17 เขาจึงบอกความจริงทุกประการว่า “มีดโกนไม่เคยแตะต้องหัวของเรา เพราะเราเป็นชาวนาศีร์แด่พระเจ้าตั้งแต่อยู่ในครรภ์มารดา ถ้าเราถูกโกนศีรษะ พลังก็จะหมดไปจากตัวเรา และเราก็จะอ่อนกำลังเป็นเหมือนชายทั่วๆ ไป”

18 เมื่อเดลิลาห์เห็นว่าเขาบอกความจริงทุกประการแก่นางแล้ว นางให้คนไปบอกพวกเจ้านายของชาวฟีลิสเตียให้ขึ้นมาหานาง พร้อมกับนำเงินติดมือมาด้วย 19 นางทำให้เขานอนหนุนตักนาง และนางเรียกชายคนหนึ่งให้มาโกนผมของแซมสัน 7 ปอย แล้วนางก็เริ่มทรมานเขา พลังก็หมดไปจากตัวเขา 20 นางพูดว่า “ชาวฟีลิสเตียมีชัยเหนือท่านแล้ว แซมสันเอ๋ย” เขาตื่นขึ้นและพูดว่า “เราจะออกไปเหมือนครั้งก่อนๆ และสลัดตัวให้หลุด” แต่เขาไม่รู้ว่าพระผู้เป็นเจ้าได้จากเขาไปเสียแล้ว 21 ครั้นแล้วชาวฟีลิสเตียก็จับตัวแซมสันไว้ ควักลูกตาออกแล้วลากตัวลงไปที่กาซา และใช้ตรวนทองสัมฤทธิ์ล่ามตัวเขาไว้ ใช้ให้เขาโม่แป้งอยู่ที่คุก 22 แต่ผมของเขาเริ่มงอกอีกหลังจากที่ถูกโกน

แซมสันเสียชีวิต

23 พวกเจ้านายของชาวฟีลิสเตียประชุมกันเพื่อถวายเครื่องสักการะครั้งใหญ่แก่เทพเจ้าดาโกนเพื่อแสดงความยินดี พวกเขาพูดว่า “เทพเจ้าของเราได้มอบแซมสันศัตรูของเราไว้ในมือเราแล้ว” 24 เมื่อประชาชนเห็นแซมสันก็สรรเสริญเทพเจ้าของตน เพราะพากันพูดว่า “เทพเจ้าของเราได้มอบศัตรูของเราไว้ในมือเรา เป็นคนที่ทำลายประเทศเราจนพินาศ เป็นคนที่ฆ่าคนของพวกเราไปมากต่อมาก” 25 เมื่อใจของคนเหล่านั้นรื่นเริงอยู่ จึงพูดว่า “เรียกแซมสันสิ เขาจะได้สร้างความบันเทิงให้พวกเราดูบ้าง” ดังนั้นพวกเขาจึงเรียกแซมสันออกมาจากคุก และแซมสันก็เป็นที่ขบขันสำหรับพวกเขา พวกเขาให้แซมสันยืนอยู่ระหว่างเสา 26 และแซมสันพูดกับชายหนุ่มที่จูงมือเขาว่า “ให้เราสัมผัสเสาที่ค้ำบ้าน เราจะได้พิงที่เสา” 27 ในขณะนั้นมีทั้งชายและหญิงอยู่กันเต็มบ้าน พวกเจ้านายของชาวฟีลิสเตียก็อยู่ที่นั่นด้วย และบนดาดฟ้าหลังคามีประมาณ 3,000 คนที่กำลังดูแซมสันสร้างความบันเทิงอยู่

28 แล้วแซมสันร้องเรียกถึงพระผู้เป็นเจ้า และกล่าวว่า “โอ พระผู้เป็นเจ้าผู้ยิ่งใหญ่ โปรดระลึกถึงข้าพเจ้าและให้พละกำลังแก่ข้าพเจ้าเพียงครั้งนี้เท่านั้น โอ พระเจ้า ข้าพเจ้าจะได้แก้แค้นชาวฟีลิสเตียคืนให้กับลูกตาทั้งสองของข้าพเจ้า” 29 แล้วแซมสันก็เอื้อมจับเสากลาง 2 ต้นที่ค้ำบ้านไว้ เขาทุ่มน้ำหนักตัวกับเสา 2 ต้น มือขวาเกาะเสาต้นหนึ่ง มือซ้ายเกาะเสาอีกต้นหนึ่ง 30 แซมสันกล่าวว่า “ให้ข้าพเจ้าตายไปกับชาวฟีลิสเตียเถิด” แล้วเขาก้มตัวลงจนสุดกำลัง บ้านจึงพังลงและทับพวกเจ้านายและคนทั้งปวงที่อยู่ในบ้าน ดังนั้นคนที่เขาฆ่าตายไปพร้อมกับตัวเขามีจำนวนมากกว่าพวกที่เขาฆ่าในช่วงที่เขามีชีวิตอยู่ 31 หลังจากนั้นพวกพี่ชายและครอบครัวของเขาทั้งหมดก็ลงมานำร่างของเขาขึ้นไปฝังยังสถานที่ซึ่งอยู่ระหว่างโศราห์กับเอชทาโอล ในหลุมฝังศพของมาโนอาห์บิดาของเขา แซมสันวินิจฉัยอิสราเอลได้ 20 ปี

แซมสันไปเมืองกาซา

16 วันหนึ่งแซมสันไปเมืองกาซา ที่นั่นเขาพบกับโสเภณีคนหนึ่งและได้ร่วมหลับนอนกับเธอ มีคนบอกชาวเมืองว่า “แซมสันอยู่ที่นี่” พวกเขาเลยมาล้อมที่นั่นไว้ และดักซุ่มคอยแซมสันที่ประตูเมืองตลอดทั้งคืน พวกเขาซุ่มเงียบอยู่ทั้งคืนและคิดว่า “ให้รอถึงเช้าก่อน แล้วเราจะได้ฆ่ามันทิ้ง”

แซมสันนอนจนถึงเที่ยงคืนแล้วลุกขึ้นมา ยกประตูเมืองและถอนเสาประตูทั้งสองด้าน พร้อมทั้งกลอนประตู แล้วเอาทั้งหมดใส่บ่าแบกไปไว้ที่ยอดเขาที่อยู่ด้านหน้าของเมืองเฮโบรน

แซมสันและเดลิลาห์

หลังจากนั้นแซมสันก็ตกหลุมรักหญิงคนหนึ่งที่อาศัยอยู่ในหุบเขาโสเรก เธอชื่อว่าเดลิลาห์

พวกผู้ครอบครองชาวฟีลิสเตียมาพบเธอและสั่งว่า “เกลี้ยกล่อมเขาและค้นหาดูสิว่าอะไรทำให้เขามีพละกำลังมากมายขนาดนั้น ทำยังไงเราถึงจะเอาชนะเขาได้ เพื่อเราจะได้มัดตัวเขาและทำให้เขาหมดฤทธิ์ แล้วเราแต่ละคนจะจ่ายเงินหนึ่งพันหนึ่งร้อยชิ้นให้กับเธอ”

เดลิลาห์จึงถามแซมสันว่า “บอกน้องหน่อยสิคะว่าอะไรทำให้พี่มีพละกำลังมหาศาลอย่างนี้ และทำยังไงถึงจะมัดพี่ให้หมดฤทธิ์ได้”

แซมสันตอบนางว่า “ถ้าเขามัดพี่ด้วยสายธนูใหม่ๆที่ยังไม่แห้งเจ็ดสาย พี่ก็จะอ่อนแอเหมือนกับชายทั่วไป”

ดังนั้นพวกผู้ครอบครองฟีลิสเตีย จึงเอาสายธนูใหม่เจ็ดสายมาให้เดลิลาห์มัดแซมสันให้พวกเขา เธอให้คนแอบซ่อนในห้องด้านใน และบอกว่า “แซมสัน ชาวฟีลิสเตียมาจับพี่แล้ว” แต่เขาก็ดึงสายธนูที่มัดตัวเขาขาดกระจุย เหมือนเชือกที่แค่ได้กลิ่นไฟก็ขาดแล้ว และความลับเรื่องพละกำลังมหาศาลของเขาก็ยังคงเป็นความลับต่อไป

10 เดลิลาห์พูดกับแซมสันว่า “พี่แกล้งน้อง พี่โกหกน้อง ตอนนี้บอกน้องเถิดว่า ทำยังไงถึงจะมัดพี่ได้”

11 แซมสันบอกว่า “ถ้ามัดพี่ด้วยเชือกใหม่ที่ยังไม่เคยใช้ พี่ก็จะอ่อนแอเหมือนชายทั่วไป”

12 ดังนั้นเดลิลาห์จึงหาเชือกใหม่ๆมามัดเขา ขณะที่มีคนแอบอยู่ด้านใน เธอบอกเขาว่า “พี่แซมสัน ชาวฟีลิสเตียมาจับพี่แล้ว” แซมสันจึงทำเชือกที่มัดแขนเขาขาดกระจุยเหมือนเส้นด้าย

13 เดลิลาห์จึงพูดกับแซมสันว่า “พี่จะแกล้งน้องและโกหกน้องไปอีกนานแค่ไหน บอกน้องเถอะว่า ทำยังไงถึงจะมัดพี่ได้”

เขาตอบเธอว่า “ถ้าน้องเอาผมเจ็ดปอยของพี่ทอเข้ากับหูกทอผ้าแล้วเอาหมุดปักมันไว้ที่ผนัง พี่ก็จะอ่อนแอเหมือนชายทั่วไป”

14 เมื่อเขาหลับ เดลิลาห์ก็เอาผมเจ็ดปอยของเขาทอเข้ากับหูกทอผ้า[a] และยึดให้แน่นด้วยหมุด แล้วเธอก็บอกว่า “พี่แซมสัน ชาวฟีลิสเตียมาจับพี่แล้ว” แต่เมื่อเขารู้สึกตัวตื่นขึ้นมาก็ดึงทั้งหมุด เครื่องทอ และผ้าทอ ทิ้งไป

15 เธอจึงพูดกับเขาว่า “พี่พูดได้ยังไงว่า ‘พี่รักน้อง’ ในเมื่อพี่ไม่ได้ไว้ใจน้องเลย พี่แกล้งน้องสามหนแล้ว พี่ยังไม่ได้บอกน้องเลยว่าอะไรทำให้พี่มีพละกำลังมหาศาล” 16 เธอตามเซ้าซี้เขาวันแล้ววันเล่า กวนเขาจนเขาเบื่อแทบตาย 17 จนเขาบอกความลับทั้งหมดกับเธอ เขาบอกกับเธอว่า “ไม่มีมีดโกนอันไหนเคยถูกหัวพี่ เพราะพี่เป็นนาศีร์อุทิศแก่พระเจ้า ตั้งแต่อยู่ในท้องแม่ ถ้าโกนหัวพี่ พละกำลังอันมหาศาลจะหายไป พี่ก็จะอ่อนแอเหมือนชายทั่วไป”

18 เดลิลาห์เห็นว่าเขาบอกความลับทั้งหมดกับเธอ เธอก็ใช้คนไปบอกพวกผู้ครอบครองของฟีลิสเตียว่า “ให้ขึ้นมาเดี๋ยวนี้ เขาได้บอกความลับทั้งหมดกับฉันแล้ว” พวกผู้ครอบครองฟีลิสเตียก็รีบขึ้นมา และเอาเงินมาให้กับเธอด้วย

19 เธอปล่อยให้แซมสันนอนหลับอยู่บนตักเธอ และเรียกชายคนหนึ่งออกมาโกนผมเจ็ดปอยบนหัวของเขา เธอเริ่มแกล้งรบกวนเขาและกำลังของเขาก็หายไป 20 เธอพูดว่า “พี่แซมสัน ชาวฟีลิสเตียมาจับพี่แล้ว” เขาตื่นขึ้นและคิดว่า “ข้าจะออกไปเหมือนครั้งก่อนและสลัดตัวหลุดออกมา” แต่เขาไม่รู้ว่าพระยาห์เวห์ได้ไปจากเขาแล้ว

21 พวกชาวฟีลิสเตียจับตัวเขาและควักลูกตาของเขาออก แล้วพาเขาลงมาที่กาซา พวกเขาล่ามแซมสันด้วยโซ่สัมฤทธิ์ และใช้เขาโม่แป้งอยู่ในคุก 22 แต่ผมของแซมสันก็เริ่มงอกขึ้นมาใหม่หลังจากถูกโกน

23 พวกผู้ครอบครองของฟีลิสเตียมาประชุมกัน เพื่อจัดพิธีบวงสรวงอันยิ่งใหญ่ให้กับพระดาโกน[b] และเพื่อเฉลิมฉลองกัน พวกเขาพูดว่า “พระของเราได้ยกแซมสันศัตรูของเราไว้ในกำมือของพวกเราแล้ว” 24 เมื่อประชาชนเห็นแซมสัน พวกเขาก็เลยสรรเสริญพระของพวกเขาว่า

“พระของเราทำให้ศัตรูตกอยู่ในกำมือเรา
    คือคนที่ทำลายบ้านเมืองของเรา
และเคยฆ่าพวกเราไปหลายคน”

25 ขณะที่พวกเขากำลังสนุกสนานกันอยู่ ก็มีคนพูดว่า “เรียกแซมสันออกมาทำอะไรสนุกๆให้พวกเราดูหน่อย” แซมสันจึงถูกนำออกมาจากคุก เพื่อมาแสดงต่อหน้าพวกเขา เมื่อพวกเขาปล่อยให้แซมสันยืนอยู่ระหว่างเสา 26 แซมสันพูดกับเด็กรับใช้ที่เป็นคนจูงมือเขาว่า “พาเราไปที่เสาค้ำตึกหน่อย เราจะได้พิงเสาเหล่านั้น”

27 ตึกนี้มีทั้งผู้หญิงและผู้ชายเต็มไปหมด และพวกผู้ครอบครองชาวฟีลิสเตียทุกคนก็อยู่ที่นั่นด้วย มีชายหญิงประมาณสามพันคนที่กำลังดูการแสดงของแซมสันอยู่บนดาดฟ้าตึก 28 จากนั้นแซมสันได้ร้องขอต่อพระยาห์เวห์ว่า “ข้าแต่พระยาห์เวห์ องค์เจ้าชีวิตของข้าพเจ้า โปรดระลึกถึงข้าพเจ้า ข้าแต่พระเจ้า โปรดให้พละกำลังมหาศาลแก่ข้าพเจ้าอีกครั้งหนึ่ง เพื่อข้าพเจ้าจะได้แก้แค้นชาวฟีลิสเตียทดแทนตาทั้งสองข้างของข้าพเจ้า” 29 แซมสันเข้าไปจับเสากลางสองต้นที่รองรับตึกนั้นไว้ และพิงที่เสานั้น มือขวายันเสาต้นหนึ่งและมือซ้ายก็ยันอีกต้นหนึ่ง แล้วเขาก็พูดว่า “ปล่อยให้ข้าตายกับชาวฟีลิสเตียเถิด” 30 แล้วเขาก็ผลักเสาทั้งสองต้นด้วยกำลังมหาศาล ตัวตึกก็พังทลายลงมาบนพวกผู้ครอบครองชาวฟีลิสเตีย และทุกคนที่อยู่ในตึกนั้น ดังนั้นคนที่เขาฆ่าตอนที่เขาตาย ก็มีมากกว่าคนที่เขาฆ่าตอนที่เขายังมีชีวิตอยู่

31 จากนั้นพี่น้องและครอบครัวของเขาก็มารับศพเขาไปฝังที่สุสานของมาโนอาห์พ่อของเขา ที่อยู่ระหว่างโศราห์และเอชทาโอล แซมสันนำอิสราเอลอยู่ทั้งหมดยี่สิบปี

Footnotes

  1. 16:13-14 แล้วเอาหมุด … หูกทอผ้า คำเหล่านี้อยู่ในฉบับแปลกรีกโบราณ แต่ไม่ได้อยู่ในฉบับฮีบรูที่เรามีอยู่
  2. 16:23 พระดาโกน ประชาชนชาวคานาอันสักการะพระเทียมเท็จนี้เพราะหวังว่าจะช่วยให้พวกเขาเก็บเกี่ยวพืชผลได้ดี พระดาโกนนี้น่าจะเป็นพระที่สำคัญที่สุดของชาวฟีลิสเตีย